การสวนสนามฉลองครบรอบวาระ 80 ปี ชัยชนะต่อญี่ปุ่นและฟาสซิสต์ของจีนนั้นถูกจับตาไม่เพียงแต่การวิเคราะห์การส่งสัญญาณทางการเมืองระหว่างประเทศของมหาอำนาจอย่างจีนเท่านั้น แต่การสวนสนามยังเป็นการแสดงแสนยานุภาพและเปิดเผยเทคโนโลยีทางทหารแบบใหม่ต่อประชาชนชาวจีนและผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งสัญญาณว่าจีนพร้อมแล้วที่จะก้าวจากกองทัพที่เน้นใช้ปริมาณแต่มีคุณภาพต่ำ มาสู่กองทัพที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งพร้อมจะท้าทายขั้วอำนาจหลักทางทหารของโลกในปัจจุบันอย่างสหรัฐอเมริกา
ในทุกการสวนสนามของจีนนั้นจะใช้เป็นโอกาสในการเปิดตัวขีดความสามารถทางการทหารใหม่ๆ โดยจีนมักจะเปิดตัวระบบอาวุธที่เพิ่งพัฒนาสำเร็จในการสวนสนามในวาระต่างๆ และในวาระสำคัญนี้ จีนก็ไม่พลาดที่นำเสนอเทคโนโลยีทางทหารใหม่ของจีนที่แสดงให้เห็นว่าจีนพร้อมแล้วสำหรับการเป็นกองทัพสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
การเปิดตัวขีปนาวุธแบบใหม่พร้อมกันถึง 4 แบบนั้นอาจเป็นการส่งสัญญาณถึงการให้ความสำคัญกับกองทัพเรือมาเป็นอันดับหนึ่ง หลังจีนเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับกองทัพเรือก่อนกองทัพบก เนื่องจากมีการวิเคราะห์ว่าภัยคุกคามต่อจีนนั้นจะมาจากทางทะเลมากกว่าทางบก เนื่องจากขีปนาวุธทั้ง 4 แบบนั้นคือขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ
ขีปนาวุธทั้ง 4 แบบนี้ประกอบไปด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงแบบ YJ-15 และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงขั้นสูงหรือไฮเปอร์โซนิกแบบ YJ-17, YJ-19 และ YJ-20 ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่เท่าที่ปรากฏพบว่าทั้งสี่แบบนี้เป็นจรวดต่อต้านเรือผิวน้ำ ซึ่งคาดว่าจะเน้นไปที่การทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการวางกำลังและการใช้กำลังทางทหารของสหรัฐอเมริกา ขีปนาวุธเหล่านี้บางส่วนยิงจากพื้นดิน แต่บางส่วนก็สามารถยิงจากเรือรบได้ ซึ่งเป็นกลยุทธที่สำคัญของจีนในการทำลายการปิดล้อมทางทะเล ซึ่งจีนคาดว่าประเทศตะวันตกจะนำมาใช้ถ้าเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย และด้วยความที่เป็นจรวดไฮเปอร์โซนิกซึ่งมีความเร็วสูงกว่ามัค 5 หรือสูงกว่าความเร็วเสียง 5 เท่า ทำให้เป็นเรื่องยากที่เรือเป้าหมายจะสกัดกั้นจรวดได้
นอกจากขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำแล้ว จีนยังเปิดตัวยานไร้คนขับใต้น้ำ AJX002 ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเรือดำน้ำแต่ไม่มีคนบังคับ และมีความยาวถึง 65 ฟุต ซึ่งเชื่อกันว่าใช้เครื่องยนต์นิวเคลียร์ในการขับเคลื่อนเพื่อให้ยานไร้คนขับใต้น้ำลำนี้สามารถปฏิบัติการใต้น้ำได้นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนโดยไม่ต้องแวะกลับมาเติมเชื้อเพลิง แม้ว่าขีดความสามารถจะยังจำกัดอยู่เพียงการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจเพื่อรวบรวมข้อมูลด้านการข่าว ยังไม่สามารถใช้อาวุธได้จึงทำให้ยังทดแทนเรือดำน้ำจริงๆ ไม่ได้ แต่การใช้งานโดรนใต้น้ำก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมแบบใหม่ที่ช่วยเสริมการทำงานของเรือดำน้ำได้เป็นอย่างดี
นอกจากโดรนใต้น้ำแล้ว จีนยังขนยานรบไร้คนขับที่ใช้งานบนบก หุ่นยนต์สุนัข รวมถึงโดรนผิวน้ำ โดรนอากาศและเครื่องบินไร้คนขับมาโชว์ในงานนี้ด้วย ซึ่งก็สะท้อนถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นของจีน ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำทิศทางของอาวุธใหม่ๆ ที่จะเป็นตัวพลิกเกมในสงครามรูปแบบใหม่
ระบบอาวุธอีกแบบหนึ่งที่จีนนำมาสวนสนามก็คือ HQ-29 ซึ่งเป็นจรวดต่อต้านขีปนาวุธและต่อต้านดาวเทียมรุ่นใหม่ของจีน ซึ่งนอกจากจะมีขีดความสามารถในการยิงทำลายขีปนาวุธตั้งแต่ในช่วงกลางของการบินคือตั้งแต่ในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเป็นไปได้สูงสุดในการทำลายโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับบรรยากาศหรือพื้นดินจากหัวรบที่ตกลงมาแล้ว ยังมีขีดความสามารถในการทำลายดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลก ซึ่งดาวเทียมเหล่านี้มีทั้งดาวเทียมจารกรรม ดาวเทียมถ่ายภาพ ไปจนถึงดาวเทียมในเครือข่ายดาวเทียมเพื่อการนำทาง เพราะถ้าทำลายดาวเทียมเหล่านี้ได้ ก็หมายถึงการทำลายตาและเครื่องนำทางของข้าศึกซึ่งจะลดประสิทธิภาพในการทำการรบและโจมตีจีนในที่สุด
จีนยังนำขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์มาร่วมในการสวนสนาม โดยมีความพิเศษก็คือเป็นครั้งแรกที่จีนนำขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่ยิงจากอากาศ ทะเล และบนบกมาเข้าร่วมการสวนสนามพร้อมกัน ซึ่งน่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญว่าจีนมีขีดความสามารถในทุกๆ มิติในการใช้หัวรบนิวเคลียร์ทั้งเพื่อการป้องปราบและโจมตีประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อจีน ขีปนาวุธเหล่านี้บางแบบสามารถยิงได้ไกลมากกว่า 10,000 กิโลเมตร ทำให้แทบจะไม่มีพื้นที่ใดในโลกที่จีนไม่สามารถยิงขีปนาวุธไปถึงได้
นอกจากนั้นการเปิดตัวขีปนาวุธข้ามทวีปแบบใหม่คือ DF-61 ก็ยังแสดงให้เห็นว่าจีนยังให้ความสำคัญและพัฒนากองทัพจรวดแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนซึ่งแยกเหล่าทัพออกมาจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายแล้ว จีนยังแสดงระบบอาวุธที่เป็นระบบอาวุธแห่งอนาคตซึ่งหลายประเทศกำลังพัฒนาอยู่นั่นก็คืออาวุธเลเซอร์ LY-1 ซึ่งจีนพัฒนามาเพื่อต่อต้านโดรนและขีปนาวุธ โดยหลักการของอาวุธแบบนี้คือการใช้พลังงานเลเซอร์ในการเผาทำลายเซนเซอร์ตรวจจับหรือแม้แต่ทำลายโครงสร้างของโดรนและขีปนาวุธเป้าหมายด้วยการยิงลำแสงเลเซอร์อย่างต่อเนื่องหลายวินาทีจนเกิดความร้อนสูงและเกิดการเผาไม้ที่เป้าหมาย ซึ่งข้อได้เปรียบของอาวุธเลเซอร์ก็คือมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการที่ถูก เนื่องจากไม่ต้องใช้กระสุนหรือจรวด ตราบใดที่มีไฟฟ้าป้อนอย่างเพียงพอ ก็สามารถใช้งานระบบอาวุธแบบนี้ในการป้องกันตนเองจากโดรนหรือขีปนาวุธได้
ทั้งหมดนี้คือบางส่วนของอาวุธแบบใหม่ๆ ที่จีนนำมาจัดแสดง ซึ่งจะสังเกตว่าการสวนสนามในครั้งนี้จีนใช้อาวุธที่ออกแบบและผลิตเองเป็นส่วนใหญ่แล้ว ต่างจากในการสวนสนามในอดีตที่อาวุธส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธที่ลอกแบบมาจากโซเวียตหรือยุโรป สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการสวนสนามทางอากาศครั้งนี้ เครื่องบินที่จีนออกแบบเองอย่าง J-10 J-35 หรือ J-20 นั้นมีจำนวนมากกว่าเครื่องบินที่จีนลอกแบบมาอย่าง J-11 ที่สำคัญคือเครื่องบินเหล่านี้จีนสามารถผลิตองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งได้ก็คือเครื่องยนต์ ทำให้จีนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องยนต์จากรัสเซียอีกต่อไป
นี่อาจจะเป็นสารที่จีนต้องการจะสื่อว่า ปัจจุบันนี้จีนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ 100% ในทุกๆ มิติของกองทัพและการป้องกันประเทศ
จีนยังใช้โอกาสสวนสนามปีนี้เปิดตัวกองกำลังในโดเมนใหม่ๆ เช่น กองกำลังอวกาศ กำลังไซเบอร์สเปซ และหน่วยสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสารด้วย สะท้อนว่าโลกเข้าสู่สมรภูมิที่ไม่จำกัดเฉพาะทางบก ทางทะเล และทางอากาศอีกต่อไป แต่ยังมีมิติของอวกาศ ไซเบอร์สเปซ และสงครามข้อมูลข่าวสาร ซึ่ง 6 มิตินี้เชื่อมโยงกัน และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแล้ว
ดังนั้นงานพาเหรดครั้งนี้ก็ทำหน้าที่เป็นเวทีให้ชาวโลกได้เห็นว่า จีนที่มีเทคโนโลยีทางทหารทุกด้าน พร้อมที่จะกระโดดเข้าสู่สงครามในทุกๆ มิติของการรบ ไม่ว่าจะมาจากทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ บนอวกาศ หรือแม้แต่ในไซเบอร์สเปซ และจีนยังอยู่ในเส้นทางของความพยายามในการเป็นกองทัพที่ดีที่สุดในโลกภายในปี 2049