สื่อท้องถิ่นของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้แสดงจุดยืนและเจตนารมณ์ในการพัฒนาประเทศในระหว่างการประชุม Central Rural Work Conference เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้นำจีนหยิบยกขึ้นมาเน้นย้ำมากที่สุดก็คือ ‘การสร้างให้จีนเป็นชาติที่ยืนอยู่ได้บนลำแข้งของตนเอง’
ทั้งนี้ สำหรับอีกก้าวที่จะทำให้จีนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแข็งแกร่ง ประธาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวว่า จีนจะต้องเร่งเดินหน้าความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรของตนเอง ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ และการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมอุปกรณ์หลักในพื้นที่เพาะปลูก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สรุป 5 ประเด็นเศรษฐกิจสำคัญ จากสุนทรพจน์ ‘สีจิ้นผิง’ เปิดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน
- ส่องรายชื่อ ‘5 แคนดิเดต’ ที่จะก้าวขึ้นมากุมบังเหียนเศรษฐกิจของพญามังกรในยุค ‘สี 3.0’
- จีนยกแผน GDI ของ ‘สีจิ้นผิง’ ขึ้นหิ้งตัวอย่างการมีส่วนร่วมรับมือความท้าทายระดับโลก
“เราต้องเข้าใจประเด็นสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ ที่ดินทำกินและเมล็ดพันธุ์ โดยต้องค่อยๆ พัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมพื้นฐานถาวรทั้งหมดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมมาตรฐานสูง ทำให้การฟื้นฟูอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ประสบผลสำเร็จ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าแหล่งที่มาของเมล็ดพันธุ์อยู่ภายใต้การควบคุมของเราเอง” สีจิ้นผิงกล่าว
ก่อนหน้านี้ในปี 2020 สีจิ้นผิงได้เคยกล่าวไว้ว่า อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ของประเทศเป็นสายสัมพันธ์ที่อ่อนแอในห่วงโซ่อาหาร ดังนั้น จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ดีขึ้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า จีนยังจำเป็นต้องจับตาดูขอบเขตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรของโลก พร้อมเรียกร้องให้ภาคการเกษตรของจีนเดินหน้าทำการ ‘ปรับปรุงอย่างจริงจัง’ ภายใต้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของตนด้วยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้นำจีนกล่าวว่า หากปราศจากการเกษตรที่เข้มแข็ง ก็จะไม่มีประเทศที่แข็งแกร่งที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย และหากไม่มีการปรับปรุงเกษตรกรรมและชนบทให้ทันสมัย การทำให้ทันสมัยแบบสังคมนิยมจะไม่มีทางสมบูรณ์ ดังนั้น จีนต้องไปตามทางของตัวเองแทนที่จะลอกเลียนแบบอำนาจการเกษตรสมัยใหม่ของต่างประเทศ จีนต้องพึ่งพากำลังของตนเพื่อรักษาปากท้องของตัวเอง
สีจิ้นผิงกล่าวว่า การจัดหาอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญที่มั่นคงและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการสร้างประเทศเกษตรกรรมที่เข้มแข็ง ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการรอบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตธัญพืช 100 พันล้านจิน (5 หมื่นล้านกิโลกรัม) โดยต้องกำหนดแผนการดำเนินงานโดยเร็วที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น สีจิ้นผิงยังเรียกร้องให้ภาคส่วนนี้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับนวัตกรรม เช่น อัตราการแปลงเป็นแอปพลิเคชันเชิงพาณิชย์ และการขาดความร่วมมือระหว่างทีมวิจัย
ขณะที่ Li Guoxiang นักวิจัยจากสถาบันพัฒนาชนบทของ Chinese Academy of Social Sciences แสดงความเห็นว่า การประชุมดังกล่าวได้ชี้แจงเป้าหมาย พันธกิจ และเส้นทางของการบรรลุความทันสมัยของการเกษตรและพื้นที่ชนบท โดย Guoxiang มองว่า การนำแผนเพิ่มเติมของรัฐบาลกลางไปใช้เพื่อความปลอดภัยของธัญพืชและการฟื้นฟูชนบทในระหว่างการประชุม แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศและสถานการณ์การพัฒนาการเกษตรภายในประเทศของจีน
ผู้นำจีนย้ำว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผันผวนมากขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้น ความมั่นคงด้านอาหารจึงเป็นหนึ่งในผลประโยชน์พื้นฐานที่สุดของจีน โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มกำลังการผลิตธัญพืชอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทด้วยการรวมรากฐานของเกษตรกรรม พื้นที่ชนบท และงานที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา จีนได้ลงทุนเงินจำนวนมากในการวิจัยขั้นพื้นฐานสำหรับการเกษตร แต่มีบริษัทเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งที่ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาระยะยาวเพื่อนำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมสู่ตลาดได้
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ผลผลิตธัญพืชของประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 6.8655 แสนล้านกิโลกรัมในปี 2022 เพิ่มขึ้น 3.7 พันล้านกิโลกรัมเมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2021 นับเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันที่จีนสามารถเก็บเกี่ยวธัญพืชได้มากกว่า 6.5 แสนล้านกิโลกรัม
อ้างอิง: