มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่งของจีน ร่วมกับ หวังอี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการด้านกิจการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เป็นประธานร่วมในการประชุมกลไกหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย-จีน ครั้งที่ 2 วานนี้ (9 กรกฎาคม)
โดยรัฐมนตรีทั้งสองเห็นพ้องที่จะกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีอย่างรอบด้านและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการค้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการส่งออกโคมีชีวิตไปจีน และการส่งเสริมหุ้นส่วนการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งมุ่งเป้าความเชื่อมโยง การแลกเปลี่ยนระดับประชาชน การท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดเมืองรอง และความร่วมมือด้านความมั่นคง ตลอดจนเตรียมการสำหรับการเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2025
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือการกระชับความสัมพันธ์ในกรอบพหุภาคี เช่น กรอบอาเซียนและกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ตลอดจนแลกเปลี่ยนมุมมองและวิสัยทัศน์ในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยได้เห็นพ้องถึงความสำคัญในการร่วมมือรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
เลือกเยือน ‘มหาอำนาจใกล้บ้าน’ ตัดสินใจถูกต้อง
ทั้งนี้ จีนถือเป็นประเทศแรกนอกภูมิภาคอาเซียนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่เลือกเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ
โดย รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นถึงการตัดสินใจของมาริษที่เลือกเยือนจีนต่อจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยชี้ว่าจีนนั้นคือหนึ่งใน ‘มหาอำนาจใกล้บ้าน’ ของไทย นอกเหนือจากอินเดีย ในขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเองยังมีสายสัมพันธ์อันดีต่อจีน และจีนเองก็ถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย ซึ่งมีมูลค่าการค้าและการลงทุนสูงเป็นอันดับต้นๆ
รศ.ดร.ปิติ ยังมองว่าการตัดสินใจเลือกไปเยือนจีนเป็นการเดินหมากการทูตที่ถูกต้อง โดยจีนเองก็ให้ความสำคัญและให้เกียรติไทย ด้วยการให้รองประธานาธิบดีหานเจิ้ง มาต้อนรับ ซึ่งในการเยือนครั้งนี้หลักๆ น่าจะเป็นการแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งและเปิดโอกาสขยายความสัมพันธ์ไทย-จีน ก่อนครบ 50 ปีในปี 2025 ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน
อ้างอิง:
- กระทรวงการต่างประเทศ