ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 สิงหาคม) รัฐบาลจีนเข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรรัฐบาลในประเทศ โดยออกคำสั่งไม่ให้ธนาคารท้องถิ่นในเจียงซีชำระราคาสำหรับการเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นการแทรกแซงทางการเงินที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลจีนเป็นไปเพื่อลดความร้อนแรงของราคาพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นสูง จนส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรลดลงอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.12% ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยให้กับธนาคารเหล่านี้
ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินการแทรกแซงดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ก็ปรับตัวขึ้นแตะ 2.22%
อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อตลาดทุนของจีนเอง ทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่น และทำให้นักลงทุนต่างชาติหลีกเลี่ยงการลงทุนในจีนได้ โดยผลเสียได้สะท้อนออกมาผ่านตัวเลขเงินทุนไหลออกของจีนที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์ก่อน
Mark Cranfield นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ชี้ว่า การแทรกแซงเหล่านี้จะลดความโปร่งใสของการลงทุนในจีน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อนักลงทุน และทำให้นักลงทุนเลือกที่จะไปลงทุนในพันธบัตรประเทศอื่นแทน
สถานการณ์ในปัจจุบันก็นับว่าเป็นความท้าทายของประเทศจีนเองที่ต้องพยายามลดต้นทุนทางการเงินให้ต่ำเข้าไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังไม่ให้เกิดฟองสบู่ในตลาดพันธบัตรเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ Pictet Asset Management มองว่า นักลงทุนควรมีพันธบัตรของประเทศจีนติดพอร์ตการลงทุนไว้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สัมพันธ์กับตลาดอื่นๆ และการแทรกแซงของรัฐบาลจีนก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะนโยบายการซื้อขายพันธบัตรอยู่ภายใต้ธนาคารกลางจีน (PBOC) อยู่แล้ว
นอกจากนี้ Cary Yeung และ Sabrina Jacobs จาก Pictet Asset Management ยังมองว่า ณ สภาวะตลาดในปัจจุบันที่หาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำได้ยาก การลงทุนในพันธบัตรจีนยังเป็นอะไรที่น่าสนใจ โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นจีนยังโดนกดดัน และเศรษฐกิจยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ
อ้างอิง: