ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้บริษัทต่างชาติที่มีฐานการผลิตอยู่ในแดนมังกรเวลานี้เริ่มมีความคิดที่จะกระจายห่วงโซ่อุปทานของตัวเองไปยังประเทศอื่นๆ มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
เมื่อเร็วๆ นี้ หอการค้าอเมริกาในประเทศจีน ได้สำรวจความเห็นของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศจีน และพบว่ามีนักธุรกิจจำนวนไม่ถึง 50% ที่จัดลำดับให้จีนติดอยู่ใน Top 3 ของประเทศที่พวกเขาต้องการขยายการลงทุน ขณะที่ตัวเลขของธุรกิจที่ต้องการย้ายฐานการผลิตของจีนก็ปรับเพิ่มขึ้นราว 10% จากปีก่อนหน้า
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลจีนไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศจัดอีเวนต์ใหญ่ภายใต้ชื่อ ‘Invest in China Year’ ขึ้นมาเพื่อรักษาเม็ดเงินลงทุนเดิมในประเทศเอาไว้ พร้อมกับดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่จากต่างชาติเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้นจีน ติดปีก ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่อึมครึมตามแนวโน้มเศรษฐกิจ
- จุดประทัดปลุก ‘หุ้นจีนปี 2023’ เปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจโลก
- Aberdeen-Credit Suisse ชู ‘หุ้นจีน’ เป็นคำตอบของตัวเลือกลงทุนในปีนี้
หนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ว่าจีนกำลังพยายามอย่างหนักในการดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศคือ การที่เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ในมณฑลเหอหนานได้เดินทางมาให้การต้อนรับ Young Liu ประธานบริษัท Foxconn ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญของ Apple ด้วยตัวเอง
ปัจจุบัน Foxconn มีโรงงานขนาดใหญ่ซึ่งมีการจ้างงานกว่า 200,000 ตำแหน่ง จนได้รับฉายาว่าเป็น iPhone City อยู่ในเจิ้งโจว เมืองหลวงของมณฑลเหอหนาน โดยประธานของ Foxconn ได้เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า บริษัทมีแผนจะพัฒนาโปรเจกต์บางอย่างร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นของเหอหนาน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนงานดังกล่าว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของจีนยังเปิดเผยกับสื่อมวลชนด้วยว่า ในปีนี้จะมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่หลายสิบแห่ง เช่น Apple, Pfizer และ Mercedes-Benz ที่จะเดินทางมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการของจีนเพื่อเจรจาธุรกิจและแผนการลงทุนในประเทศ
นอกจากการตั้งรับอยู่ในฐานที่มั่นแล้ว ในปีนี้จีนยังมีแผนจะออกโรดโชว์ไปในหลายประเทศเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Wang Jinxia ตัวแทนของเขตเศรษฐกิจพิเศษ Qianhai ในเซินเจิ้น ได้นำคณะเดินทางไปยังดูไบ สิงคโปร์ และลอนดอน
“การเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศคือ ความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับผู้เล่นท้องถิ่นในจีน เนื่องจากนโยบายอุตสาหกรรม การขาดการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับธุรกิจต่างชาติในจีน และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์” Wang กล่าว
ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงหรือ FDI เข้ามาในจีนทั้งสิ้น 1.27 แสนล้านหยวนหรือราว 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.5% โดยประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุนสูงสุดประกอบด้วย เกาหลีใต้ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร
อ้างอิง: