จางเจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ชูแนวคิดธรรมาภิบาลโลกของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง พร้อมย้ำหลักการ 5 ข้อ เพื่อสร้างสันติภาพของโลก และเน้นย้ำความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีน ในการขับเคลื่อนความร่วมมือไปสู่เป้าหมายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ
ในการกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ความสัมพันธ์ไทย-จีน กับธรรมาภิบาลโลก” ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เอกอัคราชทูตจาง ชี้ว่า จีนและไทยเป็น ‘เพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี’ ซึ่งทั้งสองชาติต่างมีความต้องการที่จะรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
โดย ‘ธรรมาภิบาลโลก’ มีความเกี่ยวข้องกับสันติภาพของมนุษยชาติและอนาคตของโลกทั้งใบ ดังนั้นจีนชี้ว่าความร่วมมือกับไทยในเรื่องธรรมาภิบาลโลกจึงมีความสำคัญยิ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศปัจจุบันที่มีความผันผวน
ทูตจางกล่าวว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก และการก่อตั้งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตร่วมกันของไทยและจีน
โอกาสนี้ทูตจางยังได้ยกดำริของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ได้เสนอความคิดริเริ่มเรื่องธรรมาภิบาลโลก (GGI) มากล่าวโดยเน้นหลักการสำคัญ 5 มิติ ได้แก่ การธำรงไว้ซึ่งความเท่าเทียมทางอธิปไตย หลักนิติธรรมระหว่างประเทศ ระบบพหุภาคีนิยม แนวทางที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และหลักการที่ปฏิบัติได้จริงของธรรมาภิบาลโลก
ในส่วนของการยึดมั่นในระบบพหุนิยมของโลกนั้น ทูตจางยังได้กล่าวถึงความสำคัญขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) และความร่วมมือในกรอบ BRICS ว่าช่วยสร้างการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนให้แก่ประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนด้วย
สำหรับเป้าหมายสูงสุดของธรรมาภิบาลโลกนั้น จางเจี้ยนเว่ยกล่าวว่า คือการทำให้ประชาชนของทุกประเทศมีความสุข ความมั่นคง และมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจีนยึดแนวคิดการพัฒนาเพื่อประชาชน อาศัยประชาชน และเพื่อประโยชน์ของประชาชน เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่สร้างความผาสุกและความมั่นคงแก่ประชาชนทั่วโลก
ทูตจีนกล่าวว่า ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาที่ไทยและจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการต่อกัน จีนและไทยได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีความเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นแบบอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เท่าเทียมและเกื้อกูล
พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ในโครงการริเริ่ม ‘แถบและเส้นทาง (BRI)’ และเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริมธรรมาภิบาลโลก คำว่า “จีน-ไทย ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” ไม่ใช่แค่คำขวัญ แต่เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพอันยั่งยืน และเท่าเทียม
ทูตจีนย้ำช่วงท้ายว่า แนวคิดธรรมาภิบาลโลก เปิดพื้นที่ใหม่ให้ความร่วมมือระหว่างจีนและไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคง เป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างธรรมาภิบาลด้วยการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อสร้างมาตุภูมิที่สวยงามและสงบสุขต่อไป
สำหรับพิธีกล่าวปาฐกถาเนื่องในโอกาสฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบ 50 ปีครั้งนี้ จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับสถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ China Media Group (CMG) โดยนอกจากเอกอัครราชทูตจางเจี้ยนเว่ยที่เป็นองค์ปาฐกแล้ว พิธีนี้ยังมีผู้ขึ้นกล่าวหลายคน ได้แก่ ชิบ จิตนิยม รองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภา, ดร.กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน และดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมีผู้บริหาร คณาจารย์ สื่อมวลชน นักศึกษาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และผู้เรียนหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย–จีน (บทจ.) ร่วมฟัง ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ด้วย