หน่วยงานด้านการป้องกันการผูกขาดตลาดของจีนสั่งปรับหลายบริษัทในประเทศ รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alibaba, Baidu และ JD.com ด้วยจำนวนเงิน 5 แสนหยวน หรือ 78,000 ดอลลาร์ ต่อราย ในข้อหาไม่รายงานดีลการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการรวม 43 ดีลแก่ทางการ ซึ่งขัดต่อกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาดที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2008
ในรอบปีที่ผ่านมา ทางการจีนได้เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มต่างๆ มากขึ้น จากที่เคยปล่อยให้บริษัทเหล่านี้ดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ เนื่องจากเล็งเห็นถึงความเสี่ยงที่บริษัทเหล่านี้อาจใช้อิทธิพลของตัวเองครอบงำตลาด นำข้อมูลลูกค้าไปใช้ในทางที่ผิดและละเมิดสิทธิ์ของผู้บริโภค
สำหรับดีลสำคัญที่ถูกสั่งปรับในครั้งนี้ประกอบด้วย การเข้าซื้อกิจการพาร์ตเนอร์ของ Baidu ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 จนถึงการร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าระหว่าง Baidu และ Zhejiang Geely Holdings ในปีนี้
นอกจากนี้ยังมีดีลการเข้าซื้อกิจการ AutoNavi บริษัทด้านระบบนำทางและแผนที่ดิจิทัลของ Alibaba ในปี 2014 รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นของ Ele.me บริษัทด้านฟู้ดเดลิเวอรี ในสัดส่วน 44% ของ Alibaba ในปี 2018 ด้วย
อย่างไรก็ดี หน่วยงานกำกับชี้แจงว่า ดีลต่างๆ เหล่านี้ยังไม่เข้าข่ายเป็นการผูกขาดตลาด แต่การสั่งปรับเกิดขึ้นเพราะบริษัทไม่ยอมรายงานดีลให้ทางการรับทราบตามกฎ
ทั้ง Alibaba, Baidu, JD.com และ Geely ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อคำสั่งของทางการในครั้งนี้
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา หน่วยงานด้านการป้องกันการผูกขาดตลาดของจีนเคยสั่งปรับ Alibaba, Tencent และ Shenzhen Hive Box รายละ 5 แสนหยวนมาแล้วในข้อหาเดียวกันนี้
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP