อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังเผชิญ ‘สงครามราคา’ อย่างรุนแรง โดย BYD ผู้เล่นรายใหญ่สุดของประเทศจุดชนวนด้วยการลดราคารถบางรุ่นลงมากถึง 34% สร้างแรงกดดันให้ค่ายอื่นต้องตามมา ซึ่งส่งผลให้กำไรในทุกระดับของห่วงโซ่ธุรกิจถูกบีบอย่างหนัก
แม้จะทำให้ราคาขายถูกลงจนผู้บริโภคเข้าถึงได้ แต่หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่าสถานการณ์นี้อาจกลายเป็น ‘ฟองสบู่ EV จีน’ ที่พร้อมแตกทุกเมื่อ
เสียงเตือนจากในประเทศ ‘แข่งกันลดจนไม่มีอนาคต’
บทความจาก People’s Daily สื่อทางการของจีน ระบุชัดเจนว่า สงครามราคาที่ไร้ระเบียบกำลังทำลายโครงสร้างของอุตสาหกรรมรถยนต์ พร้อมเตือนว่าแนวโน้มนี้จะบั่นทอนรายได้แรงงานในระยะยาว
ขณะที่ Wei Jian Jun ประธาน Great Wall Motor เปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน พร้อมระบุว่า “วิกฤตแบบเดียวกับ Evergrande ได้ก่อตัวขึ้นแล้วในอุตสาหกรรมรถยนต์ เพียงแต่ยังไม่ระเบิด”
สมาคมรถยนต์จีนขอเบรก
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน (CAAM) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ หยุด ‘ทุ่มตลาด’ ด้วยราคาที่ต่ำกว่าทุน โดยพาดพิงถึง BYD ว่าเป็นผู้เริ่มเทรนด์ลดราคาอย่างรุนแรง หลังจากที่บริษัทประกาศลดราคารถยนต์หลายรุ่นเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยบางรุ่นลดราคาลงมากถึง 34% รถยนต์รุ่นที่ถูกที่สุดของบริษัทคือ Seagull ซึ่งเป็นรถแฮตช์แบ็กรุ่นเล็ก ขณะนี้มีราคาขายเพียงประมาณ 7,700 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 280,000 บาท) จากเดิมประมาณ 10,000 ดอลลาร์
ซึ่งการหั่นราคาเช่นนี้ ทำให้ผู้บริโภคพากันตื่นตระหนกว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และคาดเดากันว่าราคาขายรถยนต์อีวีจะถูกปรับลดลงอีก
อย่างไรก็ตาม BYD ตอบโต้ทันทีว่า บริษัทกำลังแข่งขันอย่างเป็นธรรม และข้อกล่าวหานั้น ‘สร้างกระแสเกินจริง’
Ma Hui พนักงานขายรถในปักกิ่ง กล่าวว่า ราคาที่ลดลงรุนแรงทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ เพราะเชื่อว่าราคาจะถูกลงอีก ส่งผลให้ยอดขายชะลอตัวมากขึ้น และกระทบต่อรายได้ของทั้งผู้ขายและอุตสาหกรรมโดยรวม ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในตลาดรถยนต์มือสองก็ยิ่งย่ำแย่ลง
“ตอนนี้ลูกค้าหลายคนลังเลที่จะตัดสินใจ เพราะคิดว่าราคาจะยิ่งถูกลงไปอีก” Ma กล่าว
ภาพ: 3alexd / Getty Images
อ้างอิง: