เว็บไซต์ข่าว Bloomberg รายงานว่า BYD หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่สัญชาติจีน ได้ฤกษ์เดินหน้าขยายฐานตลาดของตนเองไปสู่ระดับโลกอีกหนึ่งขั้น ด้วยการประกาศแผนนำรถ EVรุ่นราคาประหยัดของค่ายอย่าง Seagull มาบุกตลาดภูมิภาคยุโรปภายในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ชื่อว่าเป็นรุ่นประหยัด แต่รถยนต์คันนี้มีคุณสมบัติระดับพรีเมียม เช่น หน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ และระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย
ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายรถยนต์รุ่นดังกล่าวในตลาดจีน มีราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ (ราว 3.5 แสนบาท) ซึ่งแม้จะมีการเรียกเก็บภาษีและการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยุโรปแล้ว ผู้บริหารของ BYD ก็ยังคาดหวังว่าจะขาย Seagull ในราคาต่ำกว่า 20,000 ยูโร (ราว 7.8 แสนบาท)
รายงานระบุว่า ราคาดังกล่าวจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD มีราคาที่ถูกกว่าบรรดาค่ายรถยนต์ชั้นนำหลายรายถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรปที่ยึดครองอำนาจในตลาดมาอย่างยาวนาน ในยุคเครื่องยนต์สันดาปภายใน
แม้ว่าขณะนี้คณะกรรมาธิการยุโรปจะมีการสืบสวนต่อต้านเงินอุดหนุนของจีนที่มีส่วนทำให้สินค้าจากจีนได้รับแรงกดดัน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่น่าจะยุติภัยคุกคามได้
Martin Sander หัวหน้าฝ่ายธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปของ Ford Motor Co. กล่าวว่า ค่ายกำลังพิจารณารถรุ่นนี้และรุ่นอื่นๆ ที่มาจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองต้องทำทุกครั้งที่ตลาดมีการแข่งขันจากคู่แข่งในตลาด
ทั้งนี้ Seagull ได้รับการยกย่องจากเรื่องคุณภาพในการสร้าง การออกแบบ และเทคโนโลยีที่ BYD อัดแน่นไว้มากมาย แต่ด้วยราคากว่า 20,0000 ยูโรทำให้รถยนต์ BYD ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้ไม่ยาก กระนั้น BYD ก็มีแผนที่จะเปิดตัว EV ในราคาพรีเมียมที่ระดับสูงกว่า 25,000 ยูโร
Michael Shu กรรมการผู้จัดการ BYD ประจำภูมิภาคยุโรป กล่าวว่า นอกจากราคาแล้ว BYD ยังเตรียมพร้อมด้วยการสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ EV ของ BYD สองแห่ง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้บริษัทลดผลกระทบจากภาษีของสหภาพยุโรป ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อชะลอการเติบโตของ BYD โดยรถยนต์ EV รุ่น BYD ดังกล่าวกำลังไปได้ดีในตลาดต่างแดน เช่นที่เม็กซิโกซึ่งมีราคาที่ 358,800 เปโซ (ราว 7.21 ล้านบาท) โดยแม้จะไม่ได้เป็นตลาดหลักของ BYD แต่กระแสตอบรับที่ดีเกินคาดก็ทำให้ Stella Li รองประธานบริหารของ BYD กล่าวว่า เม็กซิโกอาจไม่ใช่ตลาดหลักสำหรับ BYD แต่กระแสตอบรับทำให้บริษัทต้องปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่ร้อนแรงนี้
อ้างอิง: