วิกฤตขาดแคลนพลังงานของจีนเริ่มลุกลามบานปลายส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบนั้นกินวงกว้างตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง Toyota ไปจนถึงผู้ผลิตลังกระดาษและเกษตรกรเลี้ยงแกะในออสเตรเลีย
โดยทั่วโลกต่างกำลังวิตกกังวลว่า การขาดแคลนพลังงานในจีนอาจส่งผลกระทบให้เงินเฟ้อในประเทศของตัวเองพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากกำลังการผลิตที่ลดลงของจีนซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานของโลกจะส่งผลให้การส่งมอบสินค้าสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปีล่าช้าออกไป ขณะเดียวกันในช่วงนี้ยังถือเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรของจีน ทำให้ราคาอาหารและวัตถุดิบหลายชนิดมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น
“ถ้าการขาดแคลนไฟฟ้าและการจำกัดกำลังการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมจีนยังดำเนินต่อไป มันจะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านอุปทานของโลก โดยเฉพาะหากโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออกได้รับผลกระทบ” Louis Kuijs นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Oxford Economics กล่าว
เมื่อเร็วๆ นี้สำนักวิจัยหลายแห่งได้ออกมาเตือนถึงแนวโน้มการเติบโตที่ลดลงของเศรษฐกิจจีน โดย Citigroup มองว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจของประเทศที่จีนมีการนำเข้าสินค้าสูง เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ รวมถึงผู้ส่งออกเหล็กหลายใหญ่อย่างออสเตรเลียและชิลี ขณะที่เยอรมนีอีกหนึ่งคู่ค้าสำคัญก็น่าจะหนีผลกระทบไม่พ้นเช่นกัน
“นี่มันดูเหมือนภาวะช็อกจาก Stagflation ในภาคการผลิต ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะจีน แต่เป็นทั่วโลก ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงความเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตโลกที่สูงของจีน” Craig Botham หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Pantheon Macroeconomics ระบุ
แม้ว่าจีนได้พยายามแก้ไขปัญหาขาดแคลนพลังงานที่เกิดขึ้นด้วยการเพิ่มการผลิตถ่านหินในประเทศ รวมถึงเพิ่มการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้ออกมายืนยันว่าจุดเลวร้ายสุดของวิกฤตพลังงานครั้งนี้กำลังจะจบลงในเร็วๆ นี้
แต่นักเศรษฐศาสตร์จาก Societe Generale SA ยังมองว่า อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงอย่าง เหล็ก อะลูมิเนียม และซีเมนต์ จะยังเจอปัญหาต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ขณะเดียวกันการเร่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติของจีนจากต่างประเทศก็จะดันให้ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น
ด้านธนาคาร Barclays ของอังกฤษประเมินว่า นโยบายจำกัดการใช้พลังงานของจีนจะถูกบังคับใช้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า และถ้าทางการจีนบังคับใช้อย่างเข้มงวดธนาคารอาจปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP จีนในปีนี้ลงมาเหลือ 6%
“รัฐบาลจีนจะต้องเจอกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ระหว่างการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือจะยอมผ่อนคลายนโยบายการใช้พลังงานของประเทศลง” Jian Chang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Barclays กล่าว
สำนักข่าว Bloomberg ได้รวบรวมอุตสาหกรรมที่เริ่มได้รับผลกระทบและกำลังถูกกดดันจากวิกฤตขาดแคลนพลังงานของจีนเอาไว้ดังนี้
- กระดาษ
ข้อมูลจาก Rabobank ระบุว่า อุตสาหกรรมผลิตลังกระดาษและบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้มสินค้าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงานของจีนจนต้องลดการผลิตไปแล้ว 10-15% ในเดือนที่ผ่านมา โดยโรงงานหลายแห่งในจีนต้องหยุดการผลิตลงชั่วคราว
- อาหาร
ห่วงโซ่การผลิตอาหารโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยง เนื่องจากการขาดแคลนพลังงาน อาจส่งผลกระทบต่อฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตของจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรอันดับหนึ่งของโลก ราคาอาหารโลกในปีนี้ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปีไปแล้ว และการขาดแคลนไฟฟ้าของจีนอาจทำให้สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งแย่ลงไปอีก
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาโรงงานแปรรูปถั่วเหลืองหลายแห่งของจีนถูกบังคับให้ต้องปิดตัวหรือลดกำลังการผลิตลงเพื่อประหยัดพลังงาน ทำให้ราคาอาหารสัตว์ น้ำมันพืช และปุ๋ย ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
Rabobank ยังคาดว่าการขาดแคลนไฟฟ้าน่าจะส่งผลกระทบต่อฟาร์มนมวัวบางส่วนด้วย เนื่องจากเครื่องรีดนมต้องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจชำแหละหมูก็ได้รับผลกระทบในด้านการจัดเก็บสินค้าในห้องเย็นเช่นกัน
- ขนสัตว์
Australian Broadcasting รายงานข่าวว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงแกะในออสเตรเลียเริ่มเห็นผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงานของจีนแล้วจากการสั่งซื้อขนสัตว์ที่ลดลง เนื่องจากโรงงานแปรรูปในจีนต้องลดกำลังการผลิตลง 40%
- เทคโนโลยี
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากจีนเป็นฐานการผลิตใหญ่ของอุปกรณ์สำหรับ iPhone และเครื่องเล่นเกม ขณะเดียวกันยังเป็นศูนย์กลางสำคัญในการบรรจุเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งต้องปฏิบัติตามกฎเรื่องการใช้พลังงานของรัฐบาลจีน โดย Pegatron พาร์ตเนอร์ในจีนของ Apple เป็นหนึ่งในนั้น ขณะที่ ASE Technology ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกก็ต้องหยุดการผลิตเป็นเวลาหลายวัน หลายฝ่ายยังมองด้วยว่าหากผลกระทบลุกลามไปถึงการผลิตของ Dell Technologies และ Sony Group อาจทำให้ปัญหาขาดแคลนชิปของโลกรุนแรงขึ้นได้
- ยานยนต์
Toyata ซึ่งผลิตรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคันต่อปีในจีน ได้ออกมาเปิดเผยว่า โรงงานของพวกเขาในเทียนจินและกวางโจว ได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ทั้งนี้คงต้องจับตาดูว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนที่จะกลับมาจากวันหยุดยาวหรือ Golden Week ของจีนในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม จะทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจนกระทบต่อภาคการผลิตอีกหรือไม่
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-10-07/china-s-energy-crisis-envelops-an-already-slowing-global-economy?sref=CVqPBMVg
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-10-08/barclays-says-china-energy-curbs-could-cut-economic-growth-to-6?sref=CVqPBMVg
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP