ธุรกิจสถาบันกวดวิชาในประเทศจีนที่มีมูลค่าราว 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หลังทางการจีนกำลังพิจารณาออกกฎควบคุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจะต้องไม่แสวงหากำไร
แหล่งข่าวในแวดวงการศึกษาจีนเปิดเผยว่า ภายใต้กฎใหม่ดังกล่าว ธุรกิจสถาบันกวดวิชาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ระดมทุนหรือขายหุ้นสู่สาธารณะ ขณะที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการเช่นกัน นอกจากนี้ เงินทุนจากต่างประเทศจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าสู่ภาคการศึกษาของจีนอีกด้วย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนจะหยุดการออกใบอนุญาตจัดตั้งสถาบันกวดวิชาใหม่ๆ และจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบโรงเรียนกวดวิชาในปัจจุบันที่มีการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์เข้มงวดยิ่งขึ้น
การเข้ามาควบคุมอุตสาหกรรมกวดวิชาของทางการจีนมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อควบคุมปริมาณสถาบันกวดวิชาไม่ให้มีจำนวนมากเกินไป ขณะเดียวกัน ทางการจีนยังมองว่า มาตรการนี้จะช่วยลดความเครียดของเยาวชนในภาพรวมที่ต้องใช้เวลาในกับการเรียนมากเกินไปทั้งในโรงเรียนปกติและสถาบันกวดวิชา และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ต้องหาเงินมาส่งลูกเรียนสถาบันกวดวิชา
ในเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ประกาศนโยบายลดการบ้านหลังเลิกเรียน พร้อมห้ามไม่ให้มีการเรียนการสอนในช่วงสุดสัปดาห์ และห้ามใช้หลักสูตรออนไลน์สำหรับเด็กอายุ 6 ปีหรือต่ำกว่า เพื่อลดความตึงเครียดจากการแข่งขันทางการศึกษาของเยาวชนจีน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาควบคุมสถาบันการศึกษาเอกชนโดยเฉพาะเป็นครั้งแรก โดยหน่วยงานนี้จะทำหน้าที่กำกับดูแลค่าเล่าเรียน และจำกัดเวลาที่เด็กสามารถใช้ในโรงเรียนกวดวิชาไม่ให้มากเกินไป
เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันกวดวิชาชื่อดัง Zuoyebang ที่ลงทุนโดย Alibaba และ Yuanfudao ซึ่งสนับสนุนโดย Tencent ได้ถูกทางการสั่งปรับจากการโฆษณาหลักสูตรเกินความจริง โดยทั้งสองแห่งยังระงับแผนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ทางการจีนต้องการสร้างแรงจูงใจสำหรับคู่รักให้มีบุตรมากขึ้น หลังจากอัตราการเกิดของจีนลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการกังวลว่าจำนวนแรงงานที่ลดลงจะไม่เพียงพอต่อสังคมผู้สูงอายุในอนาคต โดยรัฐบาลจีนเชื่อว่าการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองจากการมีบุตร รวมถึงลดการแข่งขันทางการศึกษาของเด็กจีนที่รุนแรงลง จะทำให้คนอยากมีลูกเพิ่มขึ้น
ท่าทีการเข้ามาควบคุมธุรกิจการศึกษาเอกชนและสถาบันกวดวิชาของที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาลจีน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธุรกิจการศึกษาเอกชนของจีนทำผลงานได้ย่ำแย่ โดยมูลค่าหุ้นของ New Oriental Education & Technology Group และ Koolearn Technology Holding Ltd ปรับลดลงถึง 41% และ 28% ตามลำดับ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ TAL Education และ Gaotu Techedu ปรับลดลง 47% และ 53% เช่นกัน
“การทำให้สถาบันการศึกษาเป็นธุรกิจที่ไม่แสวงกำไรจะทำให้การเป็นบริษัทจดทะเบียนไร้ความหมาย นักลงทุนจะเทขายก่อน ซึ่งจะทำลายรายได้ของทั้งอุตสาหกรรม” จัสตินถัง หัวหน้าฝ่ายวิจัยภูมิภาคเอเชียของ United First Partners กล่าว
บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการศึกษาของจีนสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนได้เป็นจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีที่แล้วปีเดียวมีเม็ดเงินลงทุนไหลสู่อุตสาหกรรมการศึกษามากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัทขนาดใหญ่ เช่น Alibaba, Tencent Holdings และ ByteDance ล้วนมีการลงทุนในธุรกิจการศึกษา
อ้างอิง:
