ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเติบโตเกินคาดในเดือนเมษายน ขณะที่การบริโภคกลับซบเซา สะท้อนถึงความท้าทายที่ยังคงอยู่สำหรับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก แม้สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ จะคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) ในเดือนเมษายนขยายตัว 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยจากผลสำรวจนักวิเคราะห์ของ Bloomberg อย่างมาก ขณะที่ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญด้านการบริโภค เติบโตเพียง 5.1% ลดลงจากเดือนมีนาคมและต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้
แม้ภาคการผลิตจะยังแข็งแกร่ง แต่การบริโภคที่อ่อนแอลงในเดือนเมษายนสะท้อนถึงความจำเป็นในการออกนโยบายสนับสนุนเพิ่มเติม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอาจเกิดความประมาทหลังจากที่มีการพักการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วันวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยืดเยื้อ แรงกดดันจากภาวะเงินฝืด และความกังวลเกี่ยวกับการว่างงาน ล้วนฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทั้งนี้ รัฐบาลจีนตั้งเป้าเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2025 ไว้ที่ประมาณ 5% และได้ประกาศให้การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเป็นนโยบายหลักในปีนี้
อัตราการว่างงานในเขตเมืองของจีนลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.1% ในเดือนเมษายน ขณะที่การเติบโตของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรชะลอลงเหลือ 4% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ราคาบ้านใหม่ในจีนลดลงเร็วขึ้นในเดือนเดียวกัน
ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจ โดยการลงทุนในภาคนี้หดตัวลงลึกขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง จากการออกพันธบัตรรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาคการผลิตชะลอลงเล็กน้อย สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของภาคธุรกิจจากสงครามการค้า
เงินหยวนในตลาดนอกประเทศ (Offshore Yuan) แทบไม่เปลี่ยนแปลงหลังการประกาศข้อมูลดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปีลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ประมาณ 1.66% ดัชนีหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงลดช่วงติดลบและปิดตลาดโดยแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า
ภาพรวมเศรษฐกิจล่าสุดนี้เป็นมุมมองที่ชัดเจนที่สุดในขณะนี้ว่า จีนรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นอย่างรุนแรงจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ได้อย่างไร แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงพักรบด้านภาษีในเดือนพฤษภาคม แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาขั้นสุดท้ายยังคงทำให้ภาคธุรกิจลังเลที่จะขยายการผลิตหรือเริ่มโครงการลงทุนใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายของการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ยิ่งตอกย้ำว่าจีนสามารถหลีกเลี่ยงภาวะชะลอตัวอย่างรุนแรงได้ แม้ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสงครามการค้าที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้จุดชนวน นอกจากนี้ ยอดส่งออกของจีนในเดือนเมษายนก็เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ โดยบริษัทจีนปรับเปลี่ยนเส้นทางการส่งสินค้าไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป เพื่อชดเชยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ลดลงอย่างหนัก
หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Nomura Holdings Inc. ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2025 ขึ้นเป็น 4.5% จากเดิม 4% การปรับเพิ่มคาดการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากสถาบันการเงินรายใหญ่หลายแห่ง เช่น Goldman Sachs Group Inc., JPMorgan Chase & Co. และ ING Groep NV ที่ต่างก็ได้ปรับประมาณการขึ้นเช่นกัน หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความคืบหน้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ภาพ: Chu Baorui/VCG via Getty Images
อ้างอิง: