หลายประเทศในเอเชียกำลังประสบปัญหาโครงสร้างประชากร เมื่ออัตราการเกิดน้อยลงต่อเนื่อง สวนทางผู้สูงวัยที่มากขึ้น ปรากฏการณ์นี้กำลังเป็นระเบิดเวลาเศรษฐกิจ ทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน แม้แต่ไทยเอง ต่างก็กังวลถึงปัญหาโครงสร้างวัยแรงงานที่จะขาดแคลนอนาคต
ล่าสุด ท้องถิ่นจีนแข่งขยายวันลา เพิ่มการเปิดสวนสนุก สร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการแต่งงาน
การแข่งขันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเอาใจรัฐบาลกลางได้ขยายวงกว้างมาสู่การส่งเสริมการแต่งงาน โดยเจ้าหน้าที่ในหลายพื้นที่พยายามใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบเพื่อ ‘จูงใจ’ ให้คู่รักตัดสินใจเข้าพิธีสมรส
เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา มณฑลเสฉวนได้แก้ไขระเบียบข้อบังคับ อนุญาตให้คู่รักที่จดทะเบียนสมรสในมณฑลสามารถลาหยุดได้สูงสุดถึง 25 วัน ซึ่งมากกว่ามาตรฐานระดับชาติที่กำหนดไว้เพียง 3 วัน ขณะที่มณฑลหูหนานก็ได้ขยายวันลาเพื่อการแต่งงานเป็น 20 วันตั้งแต่เดือนตุลาคม
รายงานจากสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า ราว 28 มณฑล จาก 31 มณฑล เทศบาลระดับมณฑล และเขตปกครองตนเองในจีนแผ่นดินใหญ่ ต่างได้ขยายสิทธิวันลาเพื่อการแต่งงานแล้ว โดยพื้นที่ที่มีสัดส่วนประชากรสูงอายุมากมักจะให้วันลาที่นานกว่า
ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเผชิญแรงกดดันจากการลดลงอย่างรวดเร็วของจำนวนการแต่งงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออัตราการเกิด เนื่องจากการเกิดนอกสมรสในจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ปีที่แล้วมีการจดทะเบียนสมรสเพียง 6.1 ล้านคู่ ลดลงเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของช่วงที่เคยทำสถิติสูงสุด
หลังจากบังคับใช้นโยบายลูกคนเดียวมานานหลายทศวรรษ จีนได้ยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวทั้งหมดในปี 2021 และหันมาส่งเสริมการมีบุตรอย่างเต็มที่ สำหรับรัฐบาลท้องถิ่น การเพิ่มจำนวนการแต่งงานจึงกลายเป็นกลไกสำคัญในการตอบสนองเป้าหมายของรัฐบาลกลาง
ในระบบการปกครองของจีน รัฐบาลท้องถิ่นมักแข่งขันกันเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลกลางให้ความสำคัญ การแข่งขันเช่นนี้ในอดีตเคยนำไปสู่ภาวะอุปทานล้นตลาดและการแข่งขันที่รุนแรงเกินจำเป็น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘เน่ยจวน’ (neijuan)
รูปแบบการแข่งขันเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งในนโยบายส่งเสริมการแต่งงาน โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการแพร่หลายของสวนสนุกที่มุ่งสนับสนุนให้คู่รักหมั้นหมายและสร้างครอบครัว
เมืองเซียงถาน มณฑลหูหนาน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของเหมา เจ๋อตุง ได้เปิดสวนสนุกเพื่อการศึกษาเกี่ยวกับการแต่งงานและการมีบุตรเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภายในสวนมีป้ายแสดงภาพชายหญิงในชุดฮั่นฝูแบบดั้งเดิม พร้อมข้อความส่งเสริม ‘มุมมองที่ดี’ ต่อความรักและชีวิตคู่
อีกทั้งยังมีรายงานว่าสวนแห่งนี้จัดกิจกรรมเล่นวิดีโอเกมเพื่อเปิดโอกาสให้ชายหญิงโสดได้ทำความรู้จักกัน
ข้อมูลจากสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศจีน ระบุว่า ภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา มีสวนสนุกลักษณะนี้อย่างน้อย 26 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ และจำนวนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผลจากมาตรการดังกล่าว ดูเหมือนว่าจะเริ่มส่งผลในเชิงบวก โดยจำนวนการแต่งงานทั่วประเทศในช่วงสามไตรมาสแรกของปีเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ยกเว้นปี 2023 ซึ่งเป็นช่วงฟื้นตัวหลังจีนยกเลิกนโยบายปลอดโควิด-19
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตัวเลขดังกล่าวคือการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเปิดทางให้คู่รักสามารถจดทะเบียนสมรสได้ทุกที่ในประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองว่าแนวโน้มการลดลงของการแต่งงานยังไม่ได้พลิกกลับอย่างแท้จริง เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้จำนวนคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยคิดเรื่องการแต่งงานลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าการแข่งขันกันให้วันลาแต่งงานที่เอื้อเกินไปอาจสร้างภาระให้ภาคธุรกิจ ทั้งในแง่การขาดแคลนแรงงานและต้นทุนค่าจ้างที่ต้องจ่ายให้กับพนักงานที่ลาหยุด หากบริษัทต่างๆ เลี่ยงการจ้างงานคนในวัยที่พร้อมจะแต่งงาน อัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงของคนหนุ่มสาวอาจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
“ตอนที่ผมลาหยุดงานเพื่อแต่งงาน เงินเดือนของผมก็ลดลงตามไปด้วย” ชายหนุ่มวัยเมืองต้าเหลียน กล่าว
ขณะเดียวกัน ปัญหาเชิงโครงสร้างอื่นๆ ก็ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจแต่งงานของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รายได้ที่ไม่เติบโต รวมถึงประเพณีดั้งเดิมที่กำหนดให้ฝ่ายชายต้องเตรียมที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวใหม่ และต้องจ่าย ‘ค่าสินสอด’ ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ยสูงถึง 140,000 หยวน หรือราว 19,900 ดอลลาร์สหรัฐ อีกด้วย
ภาพ: Nazar Abbas Photography / Getty images
อ้างอิง:


