ชิลีประกาศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่กรุงซานติอาโก ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายนนี้ หลังเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลทวีความรุนแรงและตึงเครียดขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญในการทำข้อตกลงสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังมีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของสองประเทศ เตรียมลงนามในข้อตกลงเฟสแรกในที่ประชุมซัมมิตครั้งนี้
นอกจากการประชุมสุดยอด APEC แล้ว ประธานาธิบดี เซบาสเตียน พิเนรา ของชิลี ยังประกาศยกเลิกการจัดการประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ COP25 ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคมนี้ โดยที่สหประชาชาติ (UN) กำลังมองหาสถานที่อื่นเพื่อจัดการประชุมแทน
“นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ประธานาธิบดีจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมชาติเหนือสิ่งอื่นใดเสมอ ปัญหาหลักที่เรากังวลคือ การฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน และความสงบสุขในสังคม ควบคู่ไปกับการผลักดันวาระทางสังคม เพื่อตอบสนองความต้องการของพลเมือง” พิเนรากล่าวต่อสื่อมวลชน
วิกฤตการประท้วงในชิลีมีชนวนเริ่มมาจากความไม่พอใจที่รัฐออกนโยบายขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินในกรุงซานติอาโก แต่ปัญหาที่สั่งสมมานานตั้งแต่ความเหลื่อมล้ำไปจนถึงค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้น ทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีประเทศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC ในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้ โดยเดิมทีสปอตไลต์ทั่วโลกต่างฉายมายังเวทีซัมมิตแห่งนี้ เพราะหลายฝ่ายกำลังจับตาความคืบหน้าสำคัญในการยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทรัมป์และสีจิ้นผิงได้กำหนดเวทีนี้เป็นสถานที่ลงนามข้อตกลงการค้าฉบับสำคัญ อย่างไรก็ตาม การยกเลิกเป็นเจ้าภาพของชิลีได้เพิ่มอุปสรรคขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สหรัฐฯ และจีนอาจจัดทำเอกสารลายลักษณ์อักษรไม่ทันสำหรับการลงนามที่ชิลีช่วงกลางเดือนหน้า
แต่กระนั้น ทำเนียบขาวยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคาดหวังที่จะลงนามในข้อตกลงกับจีนในเดือนหน้า แต่ยังไม่มีสถานที่อื่นที่เป็นทางเลือกสำหรับการพบปะระหว่างทรัมป์กับสีจิ้นผิง
“เราตั้งตาคอยที่จะทำข้อตกลงการค้าฉบับประวัติศาสตร์เฟสที่ 1 กับจีนให้สำเร็จภายในกรอบเวลาเดียวกัน” ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: