ศึกไทยลีก ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยนัดสุดท้ายของฤดูกาล มีเหลือเพียงบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและเชียงราย ยูไนเต็ด ที่ยังคงมีลุ้นแชมป์ โดยบุรีรัมย์ฯ ต้องบุกไปชนะเชียงใหม่ เอฟซีเท่านั้น ถึงจะการันตีแชมป์ โดยไม่ต้องลุ้นผลอีกคู่ ขณะที่เชียงรายฯ ต้องบุกไปชนะสุพรรณบุรี เอฟซี และหวังให้บุรีรัมย์ฯ สะดุด เสมอหรือแพ้ ก็จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศไทยได้เป็นครั้งแรก
โดยเกมนัดสุดท้ายที่ลงเตะพร้อมกันหมดเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม จบครึ่งแรกปรากฏว่า คู่บุรีรัมย์ฯ และเชียงใหม่ฯ ไม่มีประตูเกิดขึ้น เสมอกัน 0-0 ขณะที่เชียงรายฯ เสมอกับสุพรรณบุรีฯ 1-1
ออกสตาร์ทครึ่งหลังเป็นเชียงรายฯ ที่ทำประตูขึ้นนำสุพรรณบุรีฯ ได้ก่อน 2-1 จากลูกยิงของ วิลเลียม เอนริเก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ศศลักษณ์ ไหประโคน จ่ายบอลออกขวาให้กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เลี้ยงมาปัดกลับเข้าในให้กับ นาสเซอร์ บาราซิต ยิงให้บุรีรัมย์ฯ ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 53 ทำให้สถานการณ์ของแชมป์ไทยลีกกลับมาอยู่ที่บุรีรัมย์ฯ อีกครั้ง
ช่วงท้ายเกม หลังจากที่เชียงรายฯ เอาชนะสุพรรณบุรีฯ ไปได้ 5-2 แต่ปรากฏว่า บุรีรัมย์ฯ ที่เสี่ยงโดนตีเสมอหลายรอบในช่วงครึ่งหลัง จนสุดท้ายนาทีที่ 88 เชียงใหม่ฯ ก็ตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ จากลูกโหม่งของ ไคเก เลเมส จนช่วงทดเวลา 6 นาทีสุดท้าย บุรีรัมย์ฯ ไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ ส่งผลให้เชียงราย ยูไนเต็ดก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ไทยลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทยลีกที่แชมป์ถูกตัดสินด้วยกฎ Head to Head
มิตติ ติยะไพรัช ประธานเชียงราย ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์หลังเกม ขอมอบแชมป์นี้ให้กับชาวเชียงรายทุกคน และได้ตั้งเป้าป้องกันแชมป์ให้ได้ในปีหน้า รวมถึงยังได้ขอบคุณครอบครัวและทุกฝ่ายที่ร่วมก่อตั้งสโมสรกันมา นักเตะและทีมงานทุกคน พร้อมยืนยันว่า เชียงรายฯ เป็นทีมที่พร้อมให้โอกาสคนไทยและดาวรุ่งคนไทยต่อไป
สำหรับสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ก่อตั้งสโมสรมาตั้งแต่ปี 2009 คว้าแชมป์ฟุตบอลบอลถ้วยมาได้ 2 รายการ และฤดูกาลนี้สามารถทำได้ตามเป้าหมาย คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศมาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 11 ปีที่ไม่ใช่ทีมจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล