วันนี้ (20 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้บริเวณถนนวังสิงห์คำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณด้านหน้าร้านตะวันสูท พบ 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, กสทช., บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT, เทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกันดำเนินการรื้อ-จัดระเบียบสายไฟและสายสื่อสาร หลังจากมีการประชุมการแก้ไขปัญหาสายไฟและสายสื่อสารที่รกรุงรังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายในเวลา 1 เดือน ซึ่งการดำเนินการในวันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ วรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชุมหารือแนวทางการจัดระเบียบสายไฟและสายสื่อสารเมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม) กับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาสายสื่อสารที่รกรุงรังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
โดยวรญาณเปิดเผยว่า จากกรณีสายไฟฟ้า-สายสื่อสารเกิดการลัดวงจรจนทำให้เกิดอัคคีภัย สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหลายพื้นที่ ทางรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน จึงสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดระเบียบสายไฟและสายสื่อสารให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น แต่มีสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วถูกปล่อยทิ้งให้รกรุงรัง
หากรื้อถอนสายที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จะช่วยให้เกิดความมีระเบียบกับสายไฟฟ้าและสายสื่อสารที่ยังใช้งานอยู่ทำให้เกิดความสวยงาม จึงมอบหมายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดทำแผนปฏิบัติการจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร ให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองเชียงใหม่ โดยเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 เส้นทาง
ด้าน สุรศักดิ์ จินดาสมบูรณ์ ผู้ช่วยโทรศัพท์จังหวัดเชียงใหม่ ด้านเทคนิคบริการ ส่วนบริการลูกค้าจังหวัดเชียงใหม่ ของ NT กล่าวว่า วันนี้จะทำการรื้อสายที่ไม่ได้ใช้งานออก ส่วนสายที่รกรุงรังแต่ใช้งานอยู่ก็จะจัดระเบียบให้เรียบร้อย โดยมี 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ จากนั้นจะดำเนินการในอีก 30 จุด โดยจะเริ่มในพื้นที่เร่งด่วน 4 จุด ได้แก่
- ถนนทางเข้าวัดอุโมงค์
- ถนนเฉลิมพระเกียรติ
- ถนนนิมมานเหมินทร์ และ
- ถนนอารักษ์
อย่างไรก็ตาม ในย่านชุมชนภายในพื้นที่คูเมืองทั้งด้านนอก-ด้านใน ก็ยังได้ดำเนินการนำสายสื่อสารลงใต้ดินไปพร้อมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ดำเนินการนำสายไฟลงใต้ดิน ทั้งนี้คาดว่าทั้ง 2 โครงการจะแล้วเสร็จ ทำให้เชียงใหม่เกิดความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังช่วยให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอีกด้วย
เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ