วันนี้ (26 มีนาคม) เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ (ช่วงเวลา 09.00 น.) พบว่า ผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลก ประเทศไทยเฉพาะเขตเชียงใหม่มีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 180 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 112.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ซึ่งเป็นสาเหตุให้พื้นที่ดังกล่าวถูกยกให้เป็นพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนอันดับ 1 เป็นเมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ พบค่าฝุ่นที่ 232 US AQI เป็นปริมาณสูงที่สุดในโลกช่วงเวลานี้ และเมื่อเจาะลึกในรายพื้นที่ทำให้พบว่า 3 พื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เยอะที่สุดและอยู่ในเกณฑ์เกินค่ามาตรฐาน (คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ) ประกอบไปด้วย
- ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 171 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 114 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 112 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฝุ่นปกคลุมทั่วน่านฟ้าของเชียงใหม่และหลายๆ จังหวัดบริเวณภาคเหนือ เกิดจากปัญหาการเผาไหม้จนก่อให้เกิดเป็นไฟป่าหลายจุดในพื้นที่เชียงใหม่ ล่าสุด (24 มีนาคม) บริเวณป่าดอยสุเทพ-ปุย ด้านฝั่งทิศใต้ พบเหตุไฟไหม้ป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้าระดมดับไฟ มีบางจุดที่ยังปะทุอย่างเร่งด่วน เพื่อยับยั้งสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด
ทางด้าน คมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ที่ผ่านมามีคนลักลอบเผาป่าในพื้นที่เชียงใหม่หลายจุด หากยังเกิดไฟป่าต่อเนื่องแบบนี้ จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในด้านค่ามลพิษ PM2.5 จะเพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม มาตรการในการบรรเทาปัญหาเบื้องต้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า จะเป็นการขอใช้น้ำจากการประปาส่วนภูมิภาคมาใช้ในการฉีดพ่น ซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ มีความสะอาด มั่นใจได้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของประชาชน ส่วนการฉีดน้ำจะใช้การฉีดพ่นน้ำออกไปในอากาศให้เกิดเป็นละอองน้ำมากที่สุด เพราะยิ่งเกิดละอองน้ำที่มีความละเอียดมาก ก็จะสามารถจับฝุ่นละอองในอากาศได้มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันจะทำการฉีดพ่นน้ำทำความสะอาดสายไฟฟ้าที่มีความสกปรกจากการที่มีฝุ่นละอองเกาะติดอยู่เป็นจำนวนมากควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการฉีดพ่นละอองน้ำในลักษณะเช่นนี้นอกจากจะช่วยลดฝุ่นละอองและสร้างความชุ่มชื้นให้กับอากาศแล้ว ยังจะช่วยส่งผลให้อากาศเกิดการไหลเวียน ถ่ายเท และยกตัวได้ดีขึ้น ซึ่งจะดำเนินการถึงวันที่ 27 มีนาคมนี้
ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมควบคุมมลพิษ ได้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเผาในที่โล่งเพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th/webV2 และแอปพลิเคชัน Air4Thai และสามารถติดตามข่าวสารการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้ทาง www.pcd.go.th
ภาพ: Chiang Mai News
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: