เมื่อวานนี้ (29 พฤศจิกายน) ที่ห้องประชุมศรีเวียงพิงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ วีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงความคืบหน้าการติดตามและควบคุมโรคโควิด-19 กรณีหญิงไทยที่จากประเทศเมียนมาตรวจพบว่าติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
วีระพันธ์กล่าวว่า กรณีความคืบหน้ากรณีผู้ป่วยโควิด-19 คนที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิงอายุ 29 ปี โดยทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการยกระดับมาตรการการป้องกันโรคให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เน้นย้ำให้สถานบริการ ร้านขายของ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ตลาด รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เข้มงวดในมาตรการการป้องกันโรค ทั้งการคัดกรองไข้ การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย 100% การลงทะเบียนด้วยแอปพลิเคชันไทยชนะ การเว้นระยะห่าง (Social Distancing) การจำกัดจำนวนผู้เข้ารับบริการ ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น แต่มีความเครียดอยู่ในระดับสูง ยังคงอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลนครพิงค์
ด้าน นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของทีมสอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสทั้งหมดจำนวน 306 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำจำนวน 149 ราย และผู้สัมผัสอื่นๆ จำนวน 72 ราย ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้วจำนวน 88 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจำนวน 85 ราย ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ยืนยันไม่พบเชื้อจำนวน 82 ราย แต่ยังคงต้องติดตามตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 3 ราย คือผู้ที่โดยสารรถประจำทางบริษัทกรีนบัส เชียงราย-เชียงใหม่ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา 11.00-15.00 น. จำนวน 2 ราย และคนขับรถ Grab Car รับจากดีคอนโดไปส่งที่คิงส์เวย์ โฮสต์แอนด์คาราโอเกะ ในคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ขอให้ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 08 4805 3131, 08 4805 2121
“ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการจะต้องกักตัวทุกคน หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูงไว้แล้ว และมีผู้เข้ากักกันตนจำนวน 5 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสทุกรายจะต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล ผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานงานให้ทางโควิด-19 หมู่บ้านเข้าไปดูแลและตรวจประเมินจนครบ 14 วันหลังสัมผัสผู้ป่วย” นพ.กิตติพันธุ์กล่าว
นพ.กิตติพันธ์ กล่าวต่อว่าสำหรับผู้ที่ไปในสถานที่ดังกล่าว ขอให้กักกันตนเองจนกระทั่งครบ 14 วันหลังวันสัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการให้โทรนัดหมายเพื่อตรวจในวันที่ 1 ธันวาคม (ตามระยะฟักตัวเฉลี่ย) โดยหากพบอาการผิดปกติระหว่างการกักกันให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 08 4805 3131, 08 4805 2121
วีระพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับพี่น้องประชาชน ขอให้ท่านได้คลายความกังวลใจทั้งที่อยู่อาศัย ทั้งที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานที่ที่ผู้ป่วยให้ข้อมูลเจ้าของสถานที่ต่างๆ ได้มีการทำความสะอาด ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งหมดแล้วในทุกจุดที่สัมผัส ช่วงต่อไปก็จะมีการตรวจสอบโดยศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคพื้นที่และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดอย่างเข้มข้น โดยจะตรวจสอบถึงการปฏิบัติว่ามีการละเลยในการคัดกรองโรค มีการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคหรือไม่ หากละเลยหรือไม่ปฏิบัติก็จะถูกสั่งให้งดใช้สถานที่ และจะใช้อำนาจตามกฎหมายโดยเคร่งครัด นอกจากนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้เชิญผู้ประกอบการหลายแห่งมาทำบันทึกข้อตกลงและทำความเข้าใจในเรื่องของการปฏิบัติให้ชัดเจนเข้มข้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงการประชุมวันนี้ได้มีมติให้อำเภอดอยสะเก็ดและอำเภอแม่อายตั้งด่านตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 เพื่อตรวจสอบผู้ที่จะเดินทางผ่านเข้าจังหวัดเชียงใหม่
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
