เมื่อช่วงประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เปิดเผยความคืบหน้ากรณีสลายการชุมนุมแยกปทุมวันเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน เนื่องจากการชุมนุมดังกล่าว ‘ไม่ชอบด้วยกฎหมาย’ ฝ่าฝืน พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพฯ
โดยรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมฝูงชน ‘อย่างเคร่งครัด’ โดยมีการประกาศด้วยวาจาให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมภายในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงาน ไม่ยอมออกจากพื้นที่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมาย ‘เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย’ โดยมีขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก
“การใช้น้ำที่มีวัตถุผสมเป็นสารเคมีประเภทสี มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะแยกแยะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อดำเนินคดีในอนาคต ยืนยันว่าไม่ได้มีสารอันตราย เป็นการใช้อุปกรณ์ตามหลักสากลทั่วโลก ต่างประเทศก็มีการใช้กัน นอกจากนี้ก็มีการใช้ ‘สารเคมีผสมน้ำ’ เพื่อทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมระงับ ยับยั้ง ล่าถอยออกไป
“โดยปกติแล้วจะส่งผลกระทบต่อผิวหนัง ทำให้มีอาการแสบและร้อน ‘เป็นเรื่องปกติ’ แต่สามารถใช้น้ำล้างบรรเทาได้ ไม่เกิดอันตราย
“โดยผลจากการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายเมื่อช่วงหัวคำ่ที่ผ่านมา มีทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บบางส่วน ทางเราจึงขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมา ณ โอกาสนี้
“จริงๆ แล้วก็เป็นภาพที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ ไม่ต้องการจะเห็น อันดับแรกเลยเราต้องการให้ประชาชนไม่กระทำความผิดต่อกฎหมายก่อน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีภาพในวันนี้ (การเข้าสลายการชุมนุนม) ปรากฏออกมาให้เห็น” รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าว
ด้าน พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ได้มีการจับกุมตัวผู้ชุมนุม 7 ราย โดยขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมตัวไปส่งพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 แล้ว
สำหรับประเด็นการจับกุมตัวผู้ให้บริการเช่ารถเครื่องเสียงนั้น รอง ผบช.น. ยืนยันว่าการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดในการนำยานพาหนะเข้าพื้นที่ที่มีการชุมนุม
“ฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่าการกระทำของพวกท่านที่ผิดต่อข้อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บและรวบรวมพยานหลักฐาน และจะดำเนินการตามกฎหมายกับท่านทุกราย ทุกกรณี สำหรับผู้กระทำความผิด 7 รายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลแขวงปทุมวันแล้ว”
ทั้งนี้ พล.ต.ต. ปิยะ ยืนยันว่า การเข้าควบคุมมวลชนในครั้งนี้ไม่มีการใช้กระสุนยางรวมถึงการยิงแก๊สน้ำตากับผู้ร่วมชุมนุมแต่อย่างใด แต่ระบุว่ามีการผสมสารเคมีลงในน้ำตามหลักสากล เหมือนที่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนทั่วโลกใช้กันตามปกติ
พร้อมย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่าไม่ให้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่มีลักษณะร้ายแรงในเขตกรุงเทพฯ เป็นอันขาด รวมถึงไม่ให้มีการชักจูงผู้อื่นเข้าร่วมการชุมนุมและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือเฟกนิวส์ออกมาผ่านช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์มใดๆ ก็ตาม ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า