หลังจากมีกระแสข่าวของคลินิกแห่งหนึ่งโฆษณาว่า วิธีการรักษาแบบ ‘คีเลชั่นบำบัด’ หรือการล้างพิษในหลอดเลือด จะสามารถช่วยลดริ้วรอย-รักษาผิวพรรณ รวมถึงการรักษาโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวานหรือความดัน
ล่าสุด (10 ก.ค.) ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ออกโรงเตือนประชาชนให้พิจารณาให้รอบด้านก่อนรับบริการคีเลชั่นบำบัด เนื่องจากวิธีการนี้ใช้ในการขจัดพิษจากโลหะหนักในร่างกายเท่านั้น ส่วนสรรพคุณในการเสริมความงามหรือรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังยังไม่เป็นที่ยอมรับ และยังขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้แน่ชัด
พร้อมเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์ในเรื่องของสุขภาพและความงามนั้นไม่เคยจางหายไปจากสังคมไทย หลายคนต่างมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งเป็นหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้มีสถานพยาบาลที่ให้บริการเสริมความงามเกิดขึ้นใหม่ในทุกๆ ปี ประกอบกับการแข่งขันทางธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ทางสถานพยาบาลต่างๆ จึงมักจะต้องเฟ้นหาเทคนิคหรือศาสตร์ทางการแพทย์ในรูปแบบใหม่ๆ มาดึงดูด หรือเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับบริการกับตน ซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีในด้านการพัฒนาวงการแพทย์และสถานพยาบาล แต่ประเด็นที่น่ากังวลคือ การที่สถานพยาบาลบางแห่งอาจอาศัยความไม่รู้ของประชาชนมาบิดเบือนข้อมูล ก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อบริการทางการแพทย์ ตัวอย่างเช่น การนำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) มาให้บริการโดยอวดอ้างว่าสามารถลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ทั้งยังใช้รักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ ให้หายขาดได้
แต่แท้จริงแล้วตามวัตถุประสงค์เดิม และประโยชน์ของการทำคีเลชั่นบำบัดที่ได้รับการยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งทางการแพทย์คือ การขับสารพิษโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว สารปรอท สารหนู ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการอักเสบในบริเวณที่สะสม หรือบำบัดภาวะผิดปกติทางสุขภาพที่สัมพันธ์กับการสะสมและตกค้างของสารโลหะหนักแบบเรื้อรังในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่อาศัยหรือประกอบอาชีพในแหล่งที่มีสารโลหะหนัก อาทิ โรงงานแบตเตอรี่ โรงเชื่อมโลหะ ฯลฯ
อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้แน่ชัดโดยปราศจากข้อโต้เถียงทางการแพทย์ว่าสามารถลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หรือสามารถรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ ซึ่งปัจจุบันตามมาตรฐานทางการแพทย์สงวนการทำคีเลชั่นบำบัดไว้สำหรับผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคพิษโลหะหนักเท่านั้น และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ดังนั้น ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงขอประชาชนจะต้องพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจรับบริการ อย่าด่วนตัดสินใจเพียงเพราะคำโฆษณา ซึ่งการที่โรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกชักชวนประชาชนให้รับบริการคีเลชั่นบำบัด โดยอวดอ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งหรือรักษาอาการโรคเรื้อรัง โดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน จะถือว่าเข้าข่ายการโฆษณาเป็นเท็จโอ้อวดเกินจริงหรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา และหากประชาชนพบเห็นการกระทำข้างต้น สามารถแจ้งที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0 2193 7057 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: