ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บรรดาผู้ใช้งานแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ อย่าง ChatGPT 4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของเทคโนโลยี Generative AI แบบจ่ายเงินค่าบริการของ OpenAI ต่างพากันออกมาบ่นกึ่งท้วงติงและโวยวายเล็กๆ ว่า ระบบ ChatGPT 4 ที่อุตส่าห์ควักเงินใช้บริการนี้ จู่ๆ ก็เข้าสู่โหมด ‘ขี้เกียจ’ (Lazy) ขึ้นมาเสียดื้อๆ ระบบที่เป็นเวอร์ชันอัปเดตล่าสุดของแชตบอตเอไอดูจะมีความสามารถน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก ขณะที่ผู้ใช้งานบางรายชี้ว่า ระบบดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่เขียนไว้อย่างชัดเจน เช่น ให้โค้ดมาอย่างย่อทั้งๆ ที่ระบุให้บอกโค้ดแบบฉบับสมบูรณ์ และผู้ใช้งานบางส่วนระบุเกี่ยวกับปัญหาการใช้งานในการตอบคำถามทั้งหมด
ผู้ใช้งานรายหนึ่งเขียนข้อความลงบนฟอรัมสาธารณะออนไลน์ของ OpenAI สรุปว่าในขณะนี้กลายเป็นโมเดล AI ที่ใช้ไม่ได้ไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ประสิทธิภาพของแชตบอตเอไอจะออกอาการ ‘อ๊อง’ จนทำงานล่าช้าไปเล็กน้อย กระนั้นกูรูทั้งหลายก็เห็นตรงกันว่า อาการอ๊องที่ว่านี้ก็ไม่ควรจะเกิดกับโมเดล GPT-4 ซึ่งควรจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของ OpenAI ที่ผู้ใช้งานต้องควักเงินจ่าย 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 730 บาท)
ทั้งนี้ สัญญาณความ ‘อืดอาด’ ของ GPT-4 เริ่มปรากฏเค้าลางเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว โดยโมเดลดังกล่าวแสดง ‘ตรรกะที่อ่อนแอ’ และตอบกลับผู้ใช้อย่างไม่ถูกต้อง ขณะที่ต่อมาในช่วงต้นปี 2024 Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ก็ยอมรับว่า GPT-4 นั้นกำลังหย่อนยานอยู่ โดยเจ้าตัวโพสต์บน X ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า บริษัทกำลังดำเนินการแก้ไขเพื่อจัดการกับข้อร้องเรียนทั้งหลายแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า ถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้สัก 4-5 เดือน ความอ๊องของ GPT-4 อาจทำให้ผู้ใช้งานหลายคนรู้สึกอยากหยุมหัวใครสักคนได้ เนื่องจากยังไม่มีบริษัทใดเปิดตัวโมเดลแชตบอตเอไอที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่า GPT-4 ของ OpenAI ทำให้ผู้ใช้ผูกพันกับบริษัทและคลั่งไคล้ระบบ ChatGPT เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ ณ ปัจจุบันกลับแตกต่างออกไป เมื่อเทคโนโลยีแชตบอต AI มีทางเลือกที่มีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่ากัน ปรากฏขึ้นมาในตลาดเป็นทางเลือกให้กับบรรดาผู้ใช้งาน ดังนั้นเมื่อเผชิญกับปัญหาชุดใหม่เกี่ยวกับ GPT-4 ผู้ใช้จึงสามารถทดลองกับโมเดลอื่นๆ มากมายที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งไม่เพียงให้ประสิทธิภาพที่ตรงกับข้อเสนอของ OpenAI เท่านั้น แต่บางครั้งอาจมีประสิทธิภาพเหนือกว่าด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น โมเดล Claude ของ Anthropic ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google และ Amazon ที่เพิ่งจะเปิดตัวเวอร์ชันล่าสุด Claude 3 Opus เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา และผู้ใช้งานส่วนหนึ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพการทำงานเทียบเท่า GPT-4
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งและนักวิเคราะห์ต่างแสดงความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า Claude 3 Opus มีความน่าเชื่อถือมากกว่าในการเขียนโค้ด และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPT-4 เมื่อเปิดตัวครั้งแรก
กระนั้น เหล่าแฟนคลับและกูรูอีกส่วนหนึ่งก็มองว่า ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวยังอยู่ในช่วงการพัฒนา และ OpenAI ที่ซุ่มเงียบอยู่ในขณะนี้ก็มีแผนที่จะเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ล่าสุดคือ GPT-5 ภายในช่วงกลางปีนี้
อ้างอิง: