วันนี้ (23 กรกฎาคม) เมื่อเวลา 14.45 น. ที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย ภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเพื่อไทย ในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตและหาทางออกของประเทศร่วมกัน คณะหารือได้ร่วมกันแถลงข่าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนที่ติดตามการทำงานของพรรคเพื่อไทยเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ต้องเรียนด้วยความเคารพว่าหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้รับมอบภารกิจจากพรรคก้าวไกลในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
พรรคเพื่อไทยภายใต้ความร่วมมือของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่ดำเนินการร่วมกันมาตลอด ได้มีมติของ 8 พรรคร่วมฯ ที่ได้มอบหมายและกำหนดแนวทางให้พรรคเพื่อไทยแสวงหาเสียงสนับสนุนในรัฐสภา ภายใต้ 3 แนวทาง คือ
- การพูดคุยหาแนวทางหาเสียงกับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งพรรคเพื่อไทยเองมีคณะทำงานเฉพาะในเรื่องนี้
- ให้พรรคเพื่อไทยแสวงหาแนวทางเพื่อให้ได้เสียงเพิ่มจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยแนวทางนี้พรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นแนวทางที่สำคัญ เราจึงเชิญพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรมาพบปะพูดคุย
- แนวทางอื่นๆ ให้พรรคเพื่อไทยพิจารณา
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ 8 พรรคร่วมฯ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกฯ หรือจัดตั้งรัฐบาล แต่ละพรรคมีแนวทางและแนวคิดอย่างไร
ตนต้องขอขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนาที่วันนี้หัวหน้าพรรคและคณะให้เกียรติมาหารือ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าการหารือวันนี้ไม่ได้เป็นการเชิญมาร่วมรัฐบาล แต่เชิญมาพูดคุยแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของ 8 พรรคร่วมฯ
ด้าน วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าขอบคุณพรรคเพื่อไทย ผู้บริหารพรรค และหัวหน้าพรรคที่เชิญมาหารือพูดคุย การพูดคุยในวันนี้เป็นการตอกย้ำจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนาที่เราได้พูดไว้ตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค
เราเชื่อว่าการจะทำงานด้วยกันไม่ว่าจะมิติใด บริบทใด แนวนโยบายจะต้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาเราได้เน้นย้ำจุดยืนข้อหนึ่งที่สำคัญคือ เพื่อเทิดทูนสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนเทิดทูนสักการะ หนึ่งในประเด็นที่เราพูดคุยคือเราจะไม่แตะต้อง แก้ไข หรือยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นหนึ่งในแนวทางที่พรรคชาติไทยพัฒนาดำเนินตลอด
วราวุธกล่าวว่า แนวทางทัศนคติการเทิดทูนสถาบันฯ สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาถือว่าสำคัญยิ่ง ฉะนั้นถ้าแนวทางของพรรคการเมืองใดมีแนวคิดเช่นเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนาคือ จะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องของสถาบันฯ และมีแนวคิดในเชิงบวก เคารพเทิดทูนเราก็สามารถมาพูดคุยทำงานร่วมกันได้ แต่ถ้ามีพรรคการเมืองใดมีแนวทางที่แตกต่างไปจากนี้ หรือคิดเห็นไม่ตรงกับเรา เราก็จะแยกย้ายกันทำงาน
วันนี้คณะหารือไม่ได้พูดถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าหากพรรคเพื่อไทยซึ่งมีแนวทางคล้ายกับพรรคชาติไทยพัฒนาเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ เมื่อมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะสนับสนุน
แต่ทั้งนี้การทำงานของพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่มีแนวคิดแตกแยกจากพรรคชาติไทยพัฒนาคิด ถ้ามีพรรคการเมืองนั้นเราจะต้องยืนยันว่าแยกย้ายกันทำงานไม่ทำงานร่วมกัน นี่ก็เป็นสาระสำคัญที่พูดคุยกันวันนี้
เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลลดเงื่อนไขมาตรา 112 พรรคชาติไทยพัฒนาจะสามารถร่วมงานได้หรือไม่ วราวุธกล่าวว่า นอกจากประเด็นการแก้ไขและยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังมีเรื่องของทัศนคติต่อสถาบันฯ ทั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเพื่อไทยทำงานร่วมกันมานาน เรามีแนวทางที่คล้ายคลึงกัน ถ้าพรรคการเมืองใดมีทัศนคติเชิงบวกในประเด็นสถาบันฯ เราก็จะสามารถพูดคุยกันได้
เมื่อถามว่าถ้าไม่มีพรรคก้าวไกลจะยกมือโหวตให้พรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่ วราวุธ ตอบว่าเราไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง เราเพียงแต่บอกว่าถ้าพรรคที่ทำงานร่วมกันและมีทัศนคติแนวนโยบายทิศทางเดียวกันเรายินดีจะยกมือให้
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนามองว่าพรรคก้าวไกลมีทัศนคติต่อสถาบันฯ อย่างไร วราวุธกล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาก็ประเมินได้ระดับหนึ่ง แต่ประชาชนจะสามารถประเมินได้ดีกว่า ถ้าตนพูดไปมากกว่านี้ ประชาชนจะพูดว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีอคติ ตนเชื่อว่าประชาชนจะเห็นได้ชัดและตัดสินใจได้
“ทำงานด้วยกันต้องคิดไปในแนวทางเดียวกัน ถ้าทำงานด้วยกันคนหนึ่งคิดอย่างหนึ่ง คนหนึ่งคิดอีกทางหนึ่ง ตรงกันข้ามเลย ผมคิดว่าก็คงทำงานด้วยกันไปไม่รอด” วราวุธกล่าว
เมื่อถามว่าคำตอบของแต่ละพรรคที่ผ่านมาถือเป็นการผลักพรรคก้าวไกลให้ไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันนี้ต้องเรียนด้วยความเคารพว่า พรรคเพื่อไทยเราทำตามกรอบกระบวนการ ตามมติของพรรคร่วมฯ เราจะต้องนำคำตอบเหล่านี้ไปพูดคุยกันว่า 8 พรรคร่วมฯ คิดอย่างไรต่อไป
พรรคเพื่อไทยทำงานไม่มีลับลมคมในกับเพื่อนเรา ถ้าพรรคก้าวไกลส่งมอบภารกิจเราก็เริ่มต้นด้วยการพูดคุยใน 8 พรรคร่วมฯ เรามาทำงานตามแนวทางนั้น เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่เราพูด เป็นกระบวนการ ถ้าถามว่าเพื่อไทยจะเอาอย่างไรต่อจากนี้ ก็ต้องหลังจากที่เราทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย นำคำตอบเข้าสู่ 8 พรรคร่วมฯ มาตอบอีกครั้ง
เมื่อถามว่าจะมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ตามคำแนะนำของ สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า การประชุมร่วมรัฐสภาเป็นความเห็น 3 ฝ่าย 3 ฝ่ายจำเป็นต้องมีการประมวลว่าจำเป็นต้องเลื่อนหรือไม่เลื่อนเพราะอะไร
เมื่อถามถึงความเห็นของ จาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส. บัญชีรายชื่อ ออกมาแสดงความคิดเห็นการหารือระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น นพ.ชลน่านกล่าวว่า การแสดงออกในที่สาธารณะถือว่าเป็นเสรีภาพ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ปิดกั้น ถ้าเราปิดกั้นก็จะไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้ เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราก็จะต้องดูว่ามีผลกระทบเชิงบวกหรือลบอย่างไร ถ้าบวกก็เป็นมุมที่ดี ถ้าเป็นลบเราก็ต้องมาพูดคุยกัน
กรณีที่ นต. ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย ออกมาโพสต์คลิปของ นพ.ชลน่านที่ระบุว่าจะไม่พูดคุย หารือกับ พปชร. และ รทสช. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนจำเหตุการณ์ได้ จำได้ทุกคำพูด แต่ถ้าอนาคตจะมีเหตุการณ์อะไรหรือไม่ ก็ขอให้เป็นเหตุการณ์ในอนาคต ขอให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงก่อน
