วันนี้ (31 มกราคม) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีข่มขู่เรียกทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนเชิญบุคคลที่ชื่อหมู ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นผู้ที่พาภรรยาของอธิบดีกรมการข้าวไปพบกับ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน มาให้ปากคำในฐานะพยาน
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนจะเชิญบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนมาตรวจสอบด้วย หนึ่งในนั้นเป็นผู้เสียหายที่ระบุว่าถูกกลุ่มของศรีสุวรรณปฏิบัติลักษณะคล้ายๆ กัน
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทางพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 2 คน ภายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นตัวการที่ตำรวจต้องการตัวมาก และเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในคดี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นบุคคลใด
ส่วน พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ เจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ หลังพบว่าที่ผ่านมามีการแต่งตั้งพิมณัฏฐาเป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะถูกยกเลิกในวันที่มีการจับกุม
กรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 หมูได้พาอธิบดีกรมการข้าวและภรรยาไปเจรจากับศรีสุวรรณที่บ้านพัก และมีการจ่ายเงินจำนวน 6 หลัก ให้กับศรีสุวรรณนั้น พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน วันดังกล่าวเป็นเพียงการเจรจาขอให้ยุติการร้องเรียน ไม่มีการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์หรือจ่ายเงินแต่อย่างใด
โดยการจ่ายเงิน 6 หลักนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ศรีสุวรรณสึกจากการบวชเป็นพระ แต่ในระหว่างบวชก็มีการเจรจามาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากนี้ตำรวจจะเชิญ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และ ดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายของอธิบดีกรมการข้าว มาทำความเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไป
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ข้อเท็จจริงกำลังเปิดเผยข้อมูลของบุคคลชั่วร้ายออกมาว่าทำไมขบวนการนี้ถึงได้รู้ข้อมูลวงในของหน่วยงานรัฐ เป็นมืออาชีพที่ชั่วร้าย แก๊งดังกล่าวไม่ใช่การร้องเรียนเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น แต่เป็นเหลือบไร เป็นสุนัขข้างทาง เป็นไรข้างถนน ที่จะพยายามจะไล่เห่า ไล่กัด เพื่อแย่งอาหาร ตำรวจ บก.ปปป. ก็คงไม่กล้ารบกับยักษ์ขนาดนี้ ซึ่งมีทั้งพ่อยักษ์และลูกยักษ์ ถ้าใครคิดว่าอยู่เหนือกฎหมายก็ลองดู
ส่วนกรณีที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี มีข้อเสนอแนะเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และพิมณัฏฐาที่ทำเนียบรัฐบาลว่าใช้ตำรวจยศพันตำรวจเอกจับกุม ถือว่าไม่ให้เกียรติสถานที่ ต่างจากที่จับกุมศรีสุวรรณ ที่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ไปจับกุมเอง พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวยืนยันว่า ตามกฎหมาย ตำรวจทุกคนมีอำนาจสามารถจับกุมได้เท่าเทียมกัน เป็นการกระจายปฏิบัติงานตามหน้าที่ และตามขั้นตอนจะต้องจับกุมศรีสุวรรณที่เป็นตัวการใหญ่สุดก่อน จากนั้นจึงจะจับกุมบุคคลที่เหลือ
“ตำรวจทุกนายมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศ แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมาย” พีระพันธุ์กล่าว
