×

ส่องธุรกิจเจ้าสัว vs. ศรีนานาพร ดาวรุ่งพุ่งแรงในตลาดขนมขบเคี้ยว

24.06.2024
  • LOADING...
เจ้าสัว ศรีนานาพร

ถึงวันนี้ตลาดขนมขบเคี้ยวทั่วโลกมีมูลค่ามหาศาลแตะ 6.4 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนในประเทศไทยมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกๆ ปี ด้วยไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่นิยมกินขนมทั้งระหว่างการทำงานและในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นว่าแม้ตลาดจะแข่งขันสูงแต่ก็ยังพอมีช่องว่างอีกมาก ยิ่งหากหันมาจับเทรนด์ขนมสุขภาพที่กำลังมาแรงก็จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้กว้างขึ้น

 

เช่นเดียวกับบริษัทสัญชาติไทย อย่าง เจ้าสัว และ ศรีนานาพร โดยทั้งสองค่ายใหญ่ต่างออกมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน คือการออกสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

 

โดยเฉพาะ ‘เจ้าสัว’ ที่เรียกว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดหุ้น ล่าสุดเตรียมขาย IPO จำนวน 87.68 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนนำเงินมาสร้างโรงงาน ขยายกำลังการผลิตสินค้า ส่งแบรนด์เจ้าสัวและโฮลซัมไปบุกตลาดต่างประเทศ หลังจากขยายไปแล้ว 12 ประเทศ และมียอดขายเติบโตขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเจ้าสัวเร่งขยายตลาดอย่างเต็มกำลัง

 

สอดคล้องกับ ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เจ้าสัวเพิ่มน้ำหนักพัฒนาสินค้ากลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ข้าวตัง แครกเกอร์ธัญพืช และหนังปลา เพิ่มขึ้น เพราะสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ากลุ่มอาหารอื่นๆ แม้ตลาดจะมีการแข่งขันสูง แต่ช่องว่างในตลาดที่มีอยู่มาก ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่สอดรับกับเทรนด์สุขภาพเข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอมากขึ้น

 

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เจ้าสัวให้ความสำคัญกับการพัฒนารสชาติให้แตกต่างจากผู้เล่นในตลาด และเกาะไปตามเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งออกแบบผลิตภัณฑ์แบบชุดของขวัญ เพื่อใช้เป็นของฝากจับกลุ่มนักท่องเที่ยว ควบคู่กับทำการตลาดโดยใช้พรีเซนเตอร์เข้ามาช่วยสื่อสารแบรนด์

 

ณภัทรย้ำว่า จากนี้อาจต้องลบภาพ ‘เจ้าสัว’ ในฐานะสินค้าของฝากจากโคราชทิ้งไป เพราะเป้าหมายใหญ่ของเราต้องการเติบโตไปสู่ระดับโกลบอลแบรนด์

 

เช่นเดียวกับ ‘ศรีนานาพร’ ก่อนหน้านี้ประกาศเอาไว้ว่า แค่สินค้าแบรนด์เจเล่กับเบนโตะคงไม่พอ เมื่อไม่นานมานี้จึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์เจเล่ฟิตต์ เจาะตลาดพรีเมียมแมสด้วยราคา 15 บาท แน่นอนว่าเป็นการโดดมารับเทรนด์สุขภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองตลาด

 

วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ฉายภาพว่า ภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวในไทยตั้งแต่ไตรมาส 1 จนถึงไตรมาส 2 ยังชะลอตัวอยู่ จากภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด คาดว่าถ้างบประมาณและดิจิทัลวอลเล็ตออกมาในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงหน้าขายของขนมขบเคี้ยว ก็จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายให้คึกคักมากขึ้น และจะทำให้รายได้เติบโตขึ้น

 

แต่สิ่งที่ศรีนานาพรต้องให้ความสำคัญโดยตลอดคือ Consumer Research การพัฒนาสินค้าใหม่ตามเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคทั้งในรูปแบบพรีเมียมและระดับแมสภายใต้แบรนด์เดิม จะไม่เน้นการสร้างแบรนด์ใหม่เพราะต้องใช้เวลาและงบประมาณเพื่อสร้างการรับรู้สูงมาก

 

และหากสังเกตจะเห็นว่าสินค้าไม่ว่าจะเป็นเบนโตะ ขนมขาไก่โลตัส จะมีหลากหลายราคา เริ่มต้นที่ 5 บาท ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ที่สำคัญการวางสินค้าบนชั้นวางทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรดจะต้องโดดเด่นและมองเห็นได้ชัด

 

ส่วนเป้าหมายของศรีนานาพร นอกจากจะเร่งสร้างรายได้และกำไรแล้ว ยังต้องการผลักดันสินค้าแบรนด์ไทยให้ก้าวสู่การเป็นรีจินัล ซึ่งหมายถึงการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

การออกมาเคลื่อนไหวของสองค่ายใหญ่จะช่วยสร้างรายได้และกำไรได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องจับตาดูอีกครั้ง เพราะธุรกิจยังอยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว รวมไปถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รอบด้าน

 

ทั้งนี้ ทีมงาน THE STANDARD WEALTH พาส่องเส้นทางการเติบโตของทั้งสองธุรกิจที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในกลุ่มตลาดขนมขบเคี้ยว

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising