วันนี้ (6 ตุลาคม) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เวลา 06.00 น. พบว่า ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีสำคัญทางตอนบนมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวด เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน
- สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์: มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,748 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ซึ่ง ลดลง จากช่วงก่อนหน้า โดยระดับน้ำอยู่ที่ 24.41 เมตร (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.29 เมตร)
- สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท: ปริมาณน้ำที่ระบายผ่านเขื่อนอยู่ที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.12 เมตร และระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.94 เมตร ซึ่ง ทรงตัว และเหลือระยะห่างจากตลิ่งเพียง 4 เซนติเมตรเท่านั้น
กรมชลประทานยังคงบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาด้วยการ หน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมกับเร่ง รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างและบรรเทาผลกระทบให้ได้มากที่สุด
แม้สถานการณ์น้ำทางตอนบนจะเริ่มลดลง แต่พื้นที่นอกคันกั้นน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อนยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด ได้แก่
- จังหวัดสิงห์บุรี: บริเวณวัดสิงห์, อ.เมืองสิงห์บุรี, อ.พรหมบุรี และวัดเสือข้าม อ.อินทร์บุรี
- จังหวัดชัยนาท: บริเวณ ต.โพนางดำ อ.สรรพยา
- จังหวัดอ่างทอง: บริเวณคลองโผงเผง, วัดไชโย, และ อ.ป่าโมก
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา: บริเวณคลองบางบาล (ต.หัวเวียง อ.เสนา), ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ (ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย)
กรมชลประทานระบุว่า หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้นอีก และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จะมีการแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป
อ้างอิง: