วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางที่กำลังเผชิญปัญหาน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเกิดจากฝนที่ตกหนักเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ขณะนี้มวลน้ำได้ไหลมาถึงพื้นที่ภาคกลางแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา กรมชลประทานได้ขออนุญาตขยายการระบายน้ำจาก 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี ว่าอาจได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่ระบายออกมาในช่วง 2-3 วันหลังจากนี้
นอกจากนี้ เมื่อ 2 วันที่แล้ว ตนได้ประชุมและให้แนวทางไว้ว่า หากมีปริมาณน้ำมากขึ้นที่ต้องบริหารจัดการ นอกจากการระบายน้ำออกท้ายเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว จะต้องหาพื้นที่รองรับน้ำหรือพื้นที่แก้มลิงในเขตชลประทานที่ยังสามารถเก็บน้ำได้ เพื่อหน่วงน้ำไม่ให้มีปริมาณมากเกินไปในลำน้ำ
จากประสบการณ์ 2 ครั้ง ในปี 2554 และ 2565 ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ฝ่ายปฏิบัติต้องนำไปทบทวนอย่างรอบคอบ ต้องพยายามบริหารจัดการให้น้ำออกทั้งฝั่งซ้ายและขวาของเขื่อน หรือให้น้ำไหลไปยังพื้นที่เกษตรกรรมบ้าง ไม่ใช่ระบายออกทางท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและคลองสาขาเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อทำเช่นนั้นจะทำให้แม่น้ำทั้งสองสายมีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เสี่ยงต่อการพังทลายของแนวคันกั้นน้ำ และทำให้การควบคุมทิศทางน้ำทำได้ยาก
ภราดร กล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจของหน่วยงานผู้ปฏิบัติในช่วง 1-2 วันนี้ อาจส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมไม่สามารถควบคุมได้ จึงฝากให้เร่งดำเนินการก่อนที่จะสายเกินไป เพราะมีโอกาสสูงที่สถานการณ์จะซ้ำรอยปี 2565


