วันนี้ (7 ธันวาคม) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้กำลังเข้าควบคุมตัวชาวบ้านจะนะ 36 คนที่มาชุมนุมค้างคืนหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อกลางดึกวานนี้ (6 ธันวาคม) ว่า ตำรวจจำเป็นต้องทำ เพราะมีข่าวว่าจะมีคนมามั่วสุมร่วมชุมนุมด้วย และตามกฎหมายก็ห้ามชุมนุมใกล้สถานที่ราชการ 150 เมตร และทุกครั้งที่มาชุมนุม มาแล้วก็ไม่กลับ
พล.อ. ประยุทธ์ ย้ำว่า รัฐบาลก็รับฟังเสียง ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปรับฟัง และตนเองเคยบอกเสมอว่า การจะไปรับปากหรือเจรจาอะไรกับประชาชน อย่าไปรับปากทันที หากยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. โดยเฉพาะข้อตกลงการทำ MOU ที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยรับปากไว้ว่าจะทำให้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ไปตกลง
ส่วนปัญหานี้ได้สั่งให้ตั้งคณะทำงานศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีลงไปดูแลแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นและควรจะแก้ไขอย่างไร
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า เราจะต้องมองสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่ไม่เป็นประโยชน์หรือเป็นปัญหาก็ไม่ต้องไปทำ แต่ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้องตามกติกาและกฎหมาย การจะไปพบปะหรือเจรจา ไปตกลงอะไรก็แล้วแต่ เคยเตือนไปหลายครั้งแล้วว่าต้องผ่าน ครม. ก่อน ไปรับข้อสังเกตมาได้แล้วเอาเข้ามาหารือเพื่อแก้ปัญหา นั่นคือวิธีการทำงานของรัฐบาลที่ต้องรอบคอบ
ส่วนที่เครือข่าย 5 จังหวัดภาคใต้ จะเดินทางมาชุมนุมที่ทำเนียบนั้น พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาเลย ให้ไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ และจะส่งคนลงไปดูแลรับฟังปัญหา พร้อมย้ำถึงเจตนาของรัฐบาลว่าต้องการที่จะให้ภาคใต้เกิดการพัฒนา
“ส่วนคนทำก็ต้องทำด้วยความรอบคอบ ต้องรับฟังความเห็นของประชาชนทุกฝ่าย ซึ่งผมฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว ถ้าไม่ฟังก็ไม่ใช่ เพราะนี่คือกระบวนการประชาธิปไตย เรื่องนี้ผมได้สั่งการไปแล้ว ก็ไม่ได้จะไปลงโทษชาวบ้าน หากสอบสวน ตักเตือนเสร็จก็ให้ประกันตัวออกไป” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
