เป็นการหวนคืนสังเวียนยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกที่ไม่ดีนักสำหรับ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศสที่ครั้งหนึ่งเคยพา ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์รายการนี้ติดต่อกันถึง 3 สมัย
แต่เขามาประเดิมเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการพาเรอัล มาดริดบุกไปแพ้ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หรือเปแอสเช ไปถึง 3-0 ในเกมเมื่อกลางดึกของวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ตามเวลาในไทย
โดยเปแอสเชได้ประตูจาก อังเคล ดิ มาเรีย อดีตนักเตะมาดริดเอง ที่ยิงไปถึง 2 ประตู และประตูปิดท้ายช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ โธมัส มูนิเยร์ สร้างความกดดันอย่างต่อเนื่องให้กับซีดานที่ตอนนี้มีเปอร์เซ็นต์ชนะต่ำกว่า 50% หลังจากที่ตัดสินใจกลับมาคุมทีมอีกครั้ง
หลังจบการแข่งขัน กุนซือชาวฝรั่งเศสออกมายอมรับว่าเป็นฝั่งเปแอสเชที่ทำได้ดีกว่าในทุกๆ ด้าน
“เรายังเริ่มต้นทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เราชนะด้วยกัน แพ้ด้วยกัน ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำใจได้ยากมาก แต่เรายังมีอีกเกมกับเซบียาในวันอาทิตย์นี้ และเราต้องเริ่มโฟกัสไปที่เกมนั้น
“พวกเขาเหนือกว่าในทุกๆ ด้าน ทั้งความดุดันที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดใจมากที่สุด พวกเขาสร้างโอกาสทำประตูได้ดี แต่สิ่งที่ทำให้ผมกังวลใจมากที่สุดคือเราเล่นกันไม่หนักแน่นพอ
“เรารู้ดีว่าพวกเขาจะกดดันเรา แต่เราก็ไม่สามารถทำเกมของเราเองได้เลย ความหนักแน่น ดุดันเป็นสิ่งที่สำคัญในสนาม ในเกมที่แย่ที่สุด แต่ถ้าคุณมีความดุดัน ผลักดันตัวเองไปข้างหน้า เอาชนะความท้าทาย สุดท้ายชัยชนะก็จะเป็นของเรา แต่เราไม่มีสิ่งนี้เลย”
สำหรับเกมนี้นอกจาก 3 ประสานในแดนหน้า ทั้ง เอเดน อาซาร์, แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซมา ที่มีค่าตัวรวมกันเกิน 200 ล้านปอนด์ ไม่สามารถทำประตูได้เลย ขณะที่ ติโบต์ กูร์ตัวส์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม ได้ลงสนามไปแล้ว 40 เกมตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมก็เสียประตูไปแล้วถึง 57 ลูก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: