เรือดำน้ำของบริษัทเอกชนที่พานักท่องเที่ยวดำดิ่งลงสู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อชมซากเรือ Titanic อันเป็นตำนาน ได้เกิดสูญหายไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมกัปตัน 1 คน และผู้โดยสาร 4 คน
ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาพื้นที่ที่มีขนาดเท่ากับรัฐคอนเนตทิคัต หรือประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศเบลเยียม เพื่อค้นหายานดำน้ำหนึ่งลำซึ่งอาจจมอยู่บนพื้นมหาสมุทร หรือลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เหนือผิวน้ำ พร้อมกับนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ภายใน โดยทีมกู้ภัยต้องทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากคาดว่ามีออกซิเจนเหลืออยู่สำหรับเอาชีวิตรอดในเรือได้อีกเพียงแค่ประมาณถึงวันพฤหัสบดีนี้ (22 มิถุนายน) จากการเปิดเผยของ OceanGate บริษัทนำเที่ยวชมซากเรือ Titanic
ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ ถึงสาเหตุที่ทำให้ปฏิบัติการค้นหาเรือดำน้ำ Titan เป็นภารกิจสุดท้าทาย
ภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกู้เรือและช่วยชีวิตคนในเรือ หาก Titan จมอยู่บนพื้นมหาสมุทร
ทิม มอลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือ Titanic กล่าวว่า ซากเรือ Titanic อยู่ใต้พื้นผิวมหาสมุทร 2.5 ไมล์ ขณะที่เรือดำน้ำขาดการติดต่อเมื่อดำลงไปได้ครึ่งทาง “ข้างล่างนั้นมืดมิด หนาวจัด ก้นทะเลเป็นโคลน และเป็นระลอกคลื่นลุ่มๆ ดอนๆ คุณไม่สามารถมองเห็นมือของคุณที่อยู่ตรงหน้าได้”
นำเรือขึ้นลำบาก
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะช่วยชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือจาก Titan ไปยังเรือดำน้ำอีกลำ เพราะมีเรือดำน้ำเพียงไม่กี่ลำเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงส่วนลึกของซากเรือ Titanic ได้ และถึงแม้เข้าถึงได้ เรือดำน้ำก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะลากเรือที่หายไปขึ้นสู่ผิวน้ำ อีกทั้งบนพื้นมหาสมุทรนั้นยังมีเรื่องที่เราไม่รู้อยู่อีกมากมายมหาศาล
เจมี พริงเกิล นักนิติธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยคีลในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “เรารู้เกี่ยวกับพื้นผิวดวงจันทร์มากกว่าก้นมหาสมุทร เพราะเราไม่เคยได้สำรวจมัน”
ยากยิ่งกว่าหากเรือลอยผลุบๆ โผล่ๆ บนผิวน้ำ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากเรือลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เหนือผิวน้ำ สถานการณ์จะเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เพราะการที่เรือจมอยู่ใต้น้ำเพียงบางส่วน จะยิ่งทำให้การตรวจจับเรือที่มีขนาดเท่ารถตู้เป็นไปได้ยากขึ้น อีกทั้งการที่เรืออยู่ไกลออกไปในมหาสมุทร จึงทำให้การเคลื่อนย้ายเรือและอุปกรณ์ไปยังพื้นที่ค้นหาขนาดใหญ่ต้องใช้เวลา
ภาพ: Us Coast Guard / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: