วันนี้ (12 มกราคม) เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) กรมปศุสัตว์ได้ส่งชุดเฉพาะกิจลงตรวจสอบสภาวะโรคในพื้นที่เสี่ยง สุ่มตรวจสอบเพิ่มเติมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่น และนำไปตรวจหาโรคส่งวิเคราะห์ที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์
โดยผลการวิเคราะห์ตัวอย่างในเบื้องต้นจากจำนวนทั้งหมด 309 ตัวอย่าง พบว่ามีผลบวกพบเชื้อโรค ASF จำนวน 1 ตัวอย่าง จากพื้นผิวสัมผัสบริเวณโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งที่มาจากจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้มีการแจ้งผลดังกล่าวต่อคณะกรรมการวิชาการป้องกันและควบคุมโรค ASF ได้รับทราบผลแล้ว เพื่อให้สามารถดำเนินการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมโรคให้สงบโดยเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการรายงานไปยังองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (World Organization for Animal Health หรือ Office International des Epizooties; OIE) เพื่อแจ้งให้ประเทศสมาชิกทราบต่อไป
สำหรับการดำเนินการหลังตรวจพบโรคในประเทศแล้ว กรมปศุสัตว์จะดำเนินการประกาศเขตโรคระบาด และควบคุมการขนย้ายในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบจุดที่พบโรค และจะพิจารณาทำลายสุกรที่มีเหตุอันสมควรให้สงสัยว่าเป็นโรค หรือมีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยากับฟาร์มที่เป็นโรค พร้อมจ่ายค่าชดเชยราคาสุกรที่ถูกทำลาย หลังคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลาง จำนวน 570 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยกระทรวงเกษตรฯ จะจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรรายเล็กและรายย่อยเท่านั้น เนื่องจากเป็นการดูแลเกษตรกรที่ต้นทุนน้อย และไม่มีความพร้อมในการดูแลฟาร์ม
เฉลิมชัยกล่าวต่อไปว่า ส่วนการดำเนินงานในพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรัศมีการควบคุมโรค การเคลื่อนย้ายสุกรทุกวัตถุประสงค์จะต้องได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ โดยคำนึงถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงการขออนุญาตนำสุกรเข้ามาเลี้ยงต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ซึ่งทุกการปฏิบัติต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีความห่วงใยต่อผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย โดยจะเร่งรัดการช่วยเหลือในทุกด้านต่อไป