วันนี้ (5 กันยายน) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้รับคำฟ้องและอนุญาตให้ประกันตัว ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมกับพวกรวม 4 คน ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ พอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
ก่อนหน้านี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ส่งสำนวนให้สำนักอัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่นฟ้องความผิด 5 ข้อหา
- ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
- ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ
- ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว ถูกกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
- ร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
- เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งท้ายคำร้องไม่ได้มีการคัดค้านการประกันตัวจากทั้งของฝั่งอัยการและฝั่ง DSI
จากการพิจารณาของศาลนานกว่า 4 ชั่วโมง พิจารณาให้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัววงเงินคนละ 8 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศและห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทางคดี แต่ไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ
จากนั้นชัยวัฒน์ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ได้ขอบคุณและกล่าวว่ารู้สึกโล่งใจที่ศาลให้ประกันตัวและได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ ยอมรับว่าลดความกดดันได้ไปส่วนหนึ่ง และมองว่าเป็นการให้โอกาสตนเองได้ต่อสู้คดี
ซึ่งหลังจากนี้จะต้องว่าไปตามพยานและหลักฐาน และได้ขอขอบคุณกลุ่มทนายที่ช่วยเหลือเรื่องเงินประกันของทุกคนจากเงินกองทุนที่ตั้งขึ้นมาสำหรับคดีนี้ ซึ่งเงินทั้งหมดนั้นไม่ใช่เงินของตนเองหรือเงินของกระทรวง
ส่วนกรณีที่มีฝั่งชาวบ้านกังวลว่าหากชัยวัฒน์ได้รับการประกันตัวจะมีการคุกคามนั้น ชัยวัฒน์ได้ชี้แจงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่าตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกคุกคามทั้งจากสังคมและชาวบ้าน เพราะตนเองนั้นทำงานอยู่ในป่า ไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไร แต่กลับถูกสื่อและสังคมกล่าวหาว่าหนีคดี ว่าไปคุกคามชาวบ้าน อีกทั้งชาวบ้านยังใช้โอกาสที่เป็นชนกลุ่มน้อยอ้างเรื่องสิทธิขึ้นมาต่อว่าตนเองอีก ทั้งที่ผ่านมาตนไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธุ์เลยสักคดีเดียว และจนถึงนาทีนี้ตนเองยังขอยืนยันถึงความบริสุทธิ์ ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำในคดีการเสียชีวิตของบิลลี่
ส่วนการกลับเข้ารับราชการที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเอกสารชี้แจงให้กลับไปทำงานนั้น ชัยวัฒน์ชี้แจงว่าเป็นไปตามมติของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
“ตอนนี้ผมทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจราชการ หากจะมีการโยกย้ายไปจุดไหนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหารกระทรวงฯ ส่วนหนังสือให้กลับเข้ารับราชการได้นำมายื่นต่อศาลแล้ว หลังจากนี้ทางศาลได้นัดสอบพยานฝั่งโจทก์ที่มีอยู่ประมาณ 100 ปาก นัดแรกในวันที่ 26 กันยายนนี้” ชัยวัฒน์กล่าว
