วันนี้ (30 ธันวาคม) ชัยธวัช ตุลาธน สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ก็พลิกผันจนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มองการรักษาความนิยมในปีหน้าและต่อไปอย่างไรนั้น
ชัยธวัชกล่าวว่า เป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกล ภายในพรรคมีการพูดคุยกันหลายครั้ง โดยสรุปพวกเราเห็นว่า ในอนาคตข้างหน้าคู่แข่งหรือความท้าทายที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองคู่แข่ง แต่เป็นตัวเราเอง หมายความว่าอนาคตความสำเร็จในทางการเมืองของพรรคก้าวไกลขึ้นอยู่กับเราจะชนะตัวเองได้หรือไม่ เราจะทำงานให้เป็นพรรคการเมืองในแบบที่เราพูดได้หรือไม่ เราจะสามารถทำงานให้เป็นอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ คู่แข่งที่สำคัญที่สุดคือแข่งกับตัวเอง หากสามารถบรรลุได้ เชื่อว่าความสำเร็จทางการเมืองและการยอมรับจากประชาชนจะมีมากขึ้น
กำชับลูกพรรคทำงานให้หนัก-งดทะเลาะกับพรรคอื่น
“ผมบอกลูกพรรคว่าอย่าเสียเวลาไปทะเลาะกับพรรคการเมืองคู่แข่ง ให้ทำงานให้หนัก แล้วสร้างผลงานตัวเอง พิสูจน์ตัวเองว่าพรรคก้าวไกล, สส. ของพรรคก้าวไกล, ทีมงานของพรรคก้าวไกล มีความพร้อมและมีความเหมาะสมในการบริหารประเทศจริงๆ นี่เป็นเป้าหมาย” ชัยธวัชกล่าว
ไม่ห่วงมีงูเพิ่ม บอกมีบทเรียนมาแล้ว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากเกิดแผ่นดินไหวทางการเมืองจะเกิดการดึงตัว สส. ที่ส่วนมากเป็นหน้าใหม่ย้ายไปซบพรรคอื่น ชัยธวัชยืนยันว่าไม่กังวล สำหรับงูเห่าได้พิสูจน์ไปแล้วว่างูเห่าทุกตัวจากพรรคก้าวไกลสอบตกหมด แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญสำหรับ สส. ใหม่ และ สส. สมัยที่ 2 คือ การพัฒนาศักยภาพตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อให้พร้อมกับการทำงาน เพราะต้องยอมรับว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงตั้งไข่ของหลายคน หลายคนอาจเพิ่งเรียนรู้ว่าการทำงาน สส. เขตที่ดีควรเป็นอย่างไร ได้เจอโจทย์ของจริง การทำงานในกลไกต่างๆ ของสภาเป็นอย่างไร การทำงานในกรรมาธิการอย่างมีประสิทธิภาพให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงตั้งไข่ของ สส. ใหม่หลายคน แต่สำหรับปีหน้าคงหมดเวลาฮันนีมูนแล้ว ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านด้วยที่ก็หมดเวลาฮันนีมูนแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกคนต้องพิสูจน์ผลงาน
รับหากพิธารอดปมหุ้น พร้อมมอบตำแหน่งคืนตามเดิม
และเมื่อถามว่า ในวันที่ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัติ สส. ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แล้วหากพิธาสามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ต่อจะวางบทบาทไว้ตรงไหน ชัยธวัชกล่าวว่า แน่นอนตามที่ตนได้เคยแถลงครั้งประชุมสมัยวิสามัญ พรรคก้าวไกล ที่มีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ตนได้แถลงอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราวเท่านั้น เพื่อรอการประชุมใหญ่สามัญของพรรคจริงๆ ในเดือนเมษายน 2567 ดังนั้นหากพิธาได้กลับมาทำหน้าที่ สส. อีกครั้ง ตนเชื่อว่าสมาชิกพรรคจะสนับสนุนให้พิธามาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่อีกครั้ง
เมื่อถามต่อว่า มีความสุขดีหรือไม่ที่ต้องมาเป็นหัวหน้าพรรคเฉพาะกิจแทนพิธา ชัยธวัชกล่าวว่า ตนมีความสุขกับการทำงานทุกวัน ทุกบทบาท เพราะสิ่งที่อยากเห็นสำหรับประเทศนี้ยังไปไม่ถึง ตนยังมีความหวัง ยังมีความฝัน มีเป้าหมายที่อยากจะทำ และคิดว่าสังคมแบบที่เราอยากเห็นไม่ได้ใช้เวลาเพียงช่วงข้ามคืน แต่ต้องสะสมการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ แต่การผลักดันด้วยการทำงานของเราเชื่อว่าจะเร่งการเปลี่ยนแปลงได้
และบทบาทของพรรคอนาคตใหม่มาถึงพรรคก้าวไกลคือเป็นตัวเร่งในการเปลี่ยนแปลง เช่น การที่สภารับหลักการ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เรามีความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานผลักดันทางความคิดแก่คนในสังคมมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี จนกระทั่งทุกภาคส่วน หลายพรรคการเมือง พร้อมสนับสนุนสิ่งนี้ ซึ่งหากนึกภาพการเมืองในสภาก่อนมีพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล คงนึกไม่ถึงว่าเราจะมีการพิจารณาเรื่องแบบนี้ในรัฐสภาไทย วันนี้ถือเป็นความสำเร็จของสังคมไทยร่วมกัน