วันนี้ (6 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงแนวทางการสู้คดี ยุบพรรค ก้าวไกลในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ โดยหลังจากที่พรรคได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ก็ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเรียกพยานไต่สวนหรือไม่ โดยการประชุมขององค์คณะตุลาการในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ น่าจะทราบว่าศาลจะสั่งให้ดำเนินการต่ออย่างไร
“ในลำดับถัดไปจะยื่นขอเปิดการไต่สวนและเสนอบัญชีพยาน ซึ่งได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ประกอบไปด้วยบุคคลที่หลากหลาย มีรายชื่อใหม่ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่พรรคได้ต่อสู้ หวังว่าศาลจะให้โอกาสในการที่จะไต่สวน พิจารณาข้อเท็จจริงกันใหม่อย่างเต็มที่” ชัยธวัชกล่าว
ชัยธวัชกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ยังคงกำหนดการเดิมที่พรรคจะแถลงเปิดคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการแถลงเพียงแค่ประเด็นการต่อสู้ ไม่ได้มีอะไรมากกว่าคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และเชื่อว่าไม่ได้กระทบต่อกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมาย หลักนิติรัฐ และอธิบายแก่ประชาชนได้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องกังวลอะไร พร้อมยืนยันว่าการชี้แจงของพรรคก้าวไกลไม่ได้เกี่ยวกับแรงกระเพื่อมทางการเมือง
ขณะที่ท่าทีของบรรดาผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ชัยธวัชเผยว่า จากที่ได้พบเห็นส่วนใหญ่ให้กำลังใจและไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค และทุกคนต่างบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ยังคงสนับสนุนพรรคก้าวไกลต่อไป ทั้งนี้ ชัยธวัชขอให้อย่าเพิ่งคิดไปไกลว่าหากคำวินิจฉัยออกมาในทิศทางที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบแล้วจะทำให้เกิดกระแสลุกฮือต่อต้าน ขอให้รอดูคำวินิจฉัย
สำหรับกระแสข่าวว่าขณะนี้มีกระบวนการที่จะทั้งล้มรัฐบาลและยุบพรรคก้าวไกลด้วย ชัยธวัชระบุว่า ได้ติดตามกระแสข่าว แต่ยังไม่ได้ทราบข้อเท็จจริง โดยเห็นว่าบรรยากาศทางการเมืองในแบบนี้ภาพรวมย่อมกระทบต่อความแน่นอนและเสถียรภาพทางการเมืองที่ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งฝ่ายค้านเองก็ห่วงว่าบรรยากาศทางการเมืองเช่นนี้จะกระทบกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ชัยธวัชยังย้ำว่าแม้สถานการณ์การเมืองพลิกผัน พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล หลังมีการพูดถึงกระแสว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่
“พรรคก้าวไกลมองไปข้างหน้า ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้า ต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อมทางการเมืองแบบนี้ ต่อให้ตั้งรัฐบาลได้ก็อาจไม่สามารถที่จะบริหารได้” ชัยธวัชกล่าว