งานประกาศรางวัล SAG Awards (Screen Actors Guild Awards) เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นงานใหญ่ของภาพยนตร์ Black Panther เพราะเหล่านักแสดงได้รับรางวัลทีมนักแสดงยอดเยี่ยมไปครอง และเมื่อถึงคราวขึ้นไปรับรางวัลสำคัญนี้ แชดวิก โบสแมน นักแสดงนำของเรื่องได้กล่าวสปีชที่ได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง
บนเวทีเขากล่าวว่า “To be young, gifted, and black (วัยเยาว์ พรสวรรค์ และผิวสี) พวกเรารู้และเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไรที่โดนบอกว่าไม่มีพื้นที่ให้คุณแสดง เรารู้และเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร ที่เป็นก้อย ไม่ใช่หัว เรารู้และเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไรที่ต้องอยู่ด้านล่าง ไม่ได้อยู่ข้างบน และนี่คือสิ่งที่เราต้องเจออยู่เสมอในการทำงาน”
ในสปีชนี้มีการกล่าวถึงเพลง To Be Young, Gifted and Black ของนักร้องผิวสีในตำนาน นีนา ซิโมน ซึ่งเมื่อเหล่านักแสดงให้สัมภาษณ์สื่อหลังเวที จึงมีคำถามถึงสปีชดังกล่าว และขอให้ แชดวิก โบสแมน ช่วยขยายความถึงประโยคสำคัญที่เขากล่าวเอาไว้
“To Be Young, Gifted and Black เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของผมเลยครับ มันเป็นประโยคที่ผมชอบที่สุด มันบอกความจริงที่ว่า คุณเป็นคนที่มีความฝันเหมือนกับคนอื่น คุณมีความสามารถเท่าเทียมกับคนอื่น แต่กลับไม่มีโอกาสเท่าเทียมกับคนอื่น คุณไม่ได้มีประตูแห่งโอกาสเปิดอยู่ตรงหน้าเหมือนคนอื่น ไม่มีพรรคพวก ไม่มีเงินหรือแหล่งทุนที่จะทำให้คุณไปตามความฝัน และไม่มีสมาชิกในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณอยากทำ… เวลาที่คุณมุ่งมั่นจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่คนทั้งโลกคาดหวัง… ความเยาว์วัย พรสวรรค์ และผิวสี คือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด มันคือการมีทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่สามารถไขว่คว้ามาได้”
คำตอบของเขาได้รับเสียงปรบมือจากสื่อทั้งห้อง แต่เขายังตอบคำถามที่กินใจอีกครั้งเมื่อถูกถามว่า “Black Panther ได้ส่งต่อคุณค่าและเป็นตัวแทนมรดกทางสังคมอะไรที่คนดูยังไม่รู้ตัวหรือไม่” โบสแมนจึงดึงประเด็นรายละเอียดในภาพยนตร์พันล้านที่คนดูอาจมองข้ามไปมาตีแผ่ได้อย่างสวยงาม
“ผมคิดว่าคนดูอาจจะไม่ได้เข้าใจจริงๆ ถึงรายละเอียด ความเชี่ยวชาญมากมายที่ถูกใช้ในการแต่งหน้า ทำผม ชุดเสื้อผ้า การออกแบบฉาก ผมว่ามันขาดการเชื่อมต่อกันอยู่ บางทีอาจเพราะ Black Panther เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ หรืออาจเพราะเป็นหนังคนผิวสี ในความเป็นจริงแล้วการทำงานมันยากมาก เพราะพรมผืนนี้มันถูกทอเข้าด้วยกันจากหลายๆ คน จากการทำงานของดีไซเนอร์ในส่วนที่ต่างกันจากหนังทั้งเรื่อง มันถูกทอประสานเข้าด้วยกันในแบบที่ผมคิดว่าไม่มีหนังเรื่องไหนเคยทำได้ มันดูเหมือนจะเป็น 1930s ก็ได้ 1800s ก็ได้ หรือแม้แต่ 1900s ก็ได้ การสร้างโลกขึ้นมาใหม่จากสิ่งสวยงามทั้งหลาย แล้วมาจับรวมกันในโปรดักชัน ทั้งยังทำให้ผู้คนเชื่อว่าที่นี่คือประเทศประเทศหนึ่ง ผมไม่คิดว่าคนดูเก็ตความยากของสิ่งเหล่านี้ และการที่สิ่งนี้มันช่วยส่งเสริมในการแสดงของพวกเรา ในการเดิน การพูด การหายใจในพื้นที่นี้”
สปีชดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ Black Panther ได้อย่างดี เพราะนอกจากหนังเรื่องนี้จะทำสถิติ Box Office ทั่วโลกที่สูงถึง 1,346,913,161 เหรียญสหรัฐแล้ว Black Panther ยังเป็นภาพยนตร์ที่ปลุกให้คนดูตระหนักที่ความแตกต่างทางเชื้อชาติ และมอบพื้นที่ให้กับคนผิวสีในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ ต้องรอดูต่อไปว่า Black Panther ที่ได้เข้าชิงถึง 6 รางวัล รวมทั้งรางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จะได้รับรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุดไปครองหรือไม่
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: