วันนี้ (25 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ตอบคำถามสื่อมวลชนระหว่างลงพื้นที่แยกลำสาลี ถึงกรณีที่มีรายงานข่าว พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า หากนโยบาย 214 ข้อทำได้จริง อำนาจก็ยิ่งมากกว่านายกฯ เสียอีก ว่า ต้องขอบคุณกำลังใจจากนายกฯ น้อมรับทุกคำติ ชม และคำวิจารณ์ ยิ่งทำให้ตนมีแรงกระตุ้นในการทำงานให้ดีที่สุด ขอบคุณนายกฯ ที่ให้ความสนใจเรื่องนี้
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า หากทำไม่ได้ตามนโยบาย คะแนนการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจลดลงเหลือเพียง 200,000 เท่านั้น ชัชชาติระบุว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะพูด ตนน้อมรับทุกความคิดเห็น และยิ่งต้องทำงานให้หนักขึ้นและเร็วขึ้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดีหากมีการติเตียนในเชิงสร้างสรรค์ ทุกคนเป็นคนกรุงเทพฯ เหมือนกัน สามารถแสดงความคิดเห็นได้
ทั้งนี้ ชัชชาติย้ำว่า การที่กำหนดนโยบายไว้ชัดเจนทั้ง 214 ข้อ เป็นข้อดีที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ง่าย เพราะหากพูดแล้วไม่มีอะไรเป็นตัวชี้วัด 4 ปี กรุงเทพฯ ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ที่น่าดีใจมากคือ มีบางสำนักงานเขตนำนโยบายบางส่วนไปใช้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และเห็นว่าทุกคนเริ่มตื่นตัว โดยบางนโยบายสามารถเริ่มทำได้เลย ไม่ต้องรอ เช่น การหาพื้นที่ปลูกต้นไม้ และการแก้ปัญหาหาบเร่-แผงลอย เป็นต้น
ชัชชาติยังระบุด้วยว่า พร้อมน้อมรับการบ้านทั้งจากข้าราชการและประชาชน เพราะเป็นการสื่อสารสองทาง นโยบายเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของประชาชน เพราะไม่ใช่ศิลาจารึก จากเดิมมี 213 ข้อ ยังเพิ่มเป็น 214 ข้อ และเป็นนโยบายที่ไม่ได้ใหญ่โต ใช้เงินไม่มาก แต่แตะชีวิตผู้คน พร้อมขอบคุณข้าราชการที่เข้าไปศึกษานโยบาย ยืนยันจะพยายามทำให้ได้มากที่สุด
ส่วนกรณีปัญหาเรื่องป้ายหาเสียงที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เตรียมจะดำเนินการฟ้องร้อง หากยังไม่ดำเนินการกับผู้ที่นำป้ายหาเสียงไปใช้ ชัชชาติระบุว่า เป็นสิทธิที่จะดำเนินคดีหรือไม่ แต่มั่นใจว่าฝ่ายกฎหมายได้ดูเรื่องข้อกฎหมายโดยละเอียดแล้ว