วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร โดยมีวาระสำคัญคือการติดตามความคืบหน้าโครงการ Thailand Zero Drop Out เพื่อนำเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษากลับเข้าสู่การดูแลของรัฐ
ในการประชุม สมฤดี ลันสุชีพ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ได้รายงานผลการดำเนินการติดตามเด็กสัญชาติไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 92,775 คน (ร้อยละ 100) พบว่า ได้ดำเนินการติดตามไปแล้ว 66,327 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 71.49 ส่งผลให้ยังมีเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาและยังไม่ได้ติดตาม คงเหลืออยู่ 26,448 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 28.51
สำหรับกระบวนการติดตามนั้น ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การตรวจสอบข้อมูลสถานะการศึกษาเพื่อค้นหาเด็กหลุดระบบฯ การสำรวจและบูรณาการความร่วมมือกับอาสาสมัครในพื้นที่เพื่อค้นหาและคัดกรองโดยใช้แอปพลิเคชันยืนยันตัวตนด้วย GPS และขั้นตอนสุดท้ายคือการช่วยเหลือและติดตาม
โดยจะมีผู้จัดการรายกรณี (Case Manager) ดำเนินการรับเคส คัดกรอง ส่งต่อเข้าระบบการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สถานศึกษาสังกัด กทม. สกร. บ้านเรียน หรือเข้ารับการพัฒนาอาชีพ/หลักสูตรระยะสั้น และจะมีการติดตามผลในรอบ 3 หรือ 6 เดือน
ด้าน ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า แม้จำนวนเด็กที่เหลือ 26,448 คนจะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมาก แต่หากสำนักพัฒนาสังคมเข้ามาช่วยคัดกรองข้อมูลเด็กที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็กแล้ว จะทำให้สามารถเห็นตัวเลขของเด็กที่อยู่นอกระบบได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้กล่าวสรุปว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้ในขั้นตอนการติดตามเด็กหลุดระบบฯ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ได้กำชับให้สำนักงานเขตศึกษาและทำความเข้าใจ พร้อมทั้ง ลดทอนขั้นตอนการปฏิบัติงานให้มีความสะดวกและง่ายต่อการลงพื้นที่มากขึ้น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามและช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาหรือได้รับการพัฒนาอาชีพได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อไป


