วันนี้ (26 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงการทำงานตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่า ถือว่าทำเต็มที่ ไม่มีเวลาพัก มีเพียงเมื่อคืนเท่านั้นที่ได้พัก ส่วนการประเมินต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ส่วนตัวอยากฟังคำติชมทุกอย่างที่ประชาชนสะท้อน มองว่าทุกคนรวมถึงกลุ่มข้าราชการก็ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะหน้าที่ของพวกเราคือรับใช้ประชาชน แต่คงไม่ประเมินตัวเองเพราะไม่เหมาะสม
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า นโยบาย 217 ข้อ สามารถทำได้ตามกรอบเวลา ส่วนที่ยังไม่ได้ทำและต้องรีบดำเนินการคือเรื่องปัญหาขยะ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนพูดถึง รวมถึงเรื่องสัมปทานรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้จะสรุปแล้ว ซึ่งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ขณะที่เรื่องน้ำท่วมตอนนี้มองว่าก้าวหน้าไปมากแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการสะท้อนว่าการเลือกตั้งควรมีขึ้นทุกจังหวัดหลังจากเกิดปรากฏการณ์ของตนเองนั้น ชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ต้องไปพิจารณาในภาพใหญ่ให้ดี แต่มองว่าทำให้คนตื่นตัว ซึ่งมีแนวคิดง่ายๆ ว่าตนเองต้องรับใช้คนที่เลือกเรามา แต่คนอาจคิดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดอื่นๆ มีการย้ายไปมา ทำให้อยากได้คนที่ผูกพันกับพื้นที่ แต่ก็เชื่อว่าผู้ว่าราชการที่มาจากการแต่งตั้งหากตั้งใจทำงาน ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ตอบสนองประชาชนได้ ก็สามารถชนะใจคนได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวิธีการทำงาน
ส่วนกรณีที่ชัชชาติได้พูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น ชัชชาติกล่าวว่า ไม่ได้มีอะไร แค่พูดติดตลกเฉยๆ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน แค่มองว่าข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญมีความแปลกที่มีชื่อในแคนดิเดตนายกฯ และไม่สามารถลาออกได้ ตนเองก็ไม่รู้จะไปลาออกที่ไหน ซึ่งอีก 4 ปีก็หลุดตำแหน่งไปแล้วพอหมดเทอมของรัฐบาล
“เอาผู้ว่าฯ ให้ดีก่อน ผู้ว่าฯ ยังไม่รอดเลย โฟกัสตรงนี้ อย่าพึ่งไปคิดเรื่องอื่น ผู้ว่าฯ เป็นระดับท้องถิ่น ไม่ได้เป็นระดับใหญ่ ทำตรงนี้ให้ดีก่อน” ชัชชาติกล่าว
ส่วนประเด็นที่ กทม. ประกาศจัด 7 พื้นที่ให้ชุมนุม ชัชชาติกล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 มิถุนายน) มีการชุมนุมที่ลานคนเมือง ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ในกรุงเทพฯ มีการประกาศพื้นที่ชุมนุมได้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดี และยิ่งมีการตรวจพื้นที่ ตรวจอาวุธ ทำให้รู้สึกปลอดภัย และเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนที่มาทำกิจกรรมกับเจ้าหน้าที่ และตำรวจเองก็ละมุนละม่อมขึ้น เพราะเขาควบคุมดูแลได้
อีกทั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ตามจำนวนคนที่กำหนดของแต่ละพื้นที่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของพระราชกำหนด (พรก.) ฉุกเฉินฯ แต่ส่วนตัวยอมรับว่าก็รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ลุ้นตลอดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรหรือไม่ แต่ กทม. เองก็มีกล้องวงจรปิดดูสถานการณ์อยู่
ทั้งนี้ การกำหนดพื้นที่ให้ชุมนุมไม่ได้เป็นการจำกัดโซนนิ่ง เพราะหากใครจะใช้ข้างนอกก็สามารถทำได้แต่ต้องขออนุญาตตามกฎหมาย และส่วนตัวก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและในอนาคตจะกลายเป็นพื้นที่ที่มีการถกแถลงกันได้ อย่างที่ตนเคยบอกว่า เห็นต่างกันได้ แต่อย่าทะเลาะกัน
ชัชชาติยังกล่าวด้วยว่า การจัดพื้นที่ให้มีการชุมนุมได้ยังมีหลายคนอาจไม่เห็นด้วย เพราะกังวลเรื่องการทำให้ทรัพย์สินเสียหาย แต่เราก็ต้องป้องกันส่วนนี้ แต่ส่วนตัวก็คิดว่าวันนี้มาถูกทางแล้ว ทดลองดู 1 เดือนก่อน ตนมองว่าสังคมใดที่เห็นตรงกันหมดน่ากลัว ระบอบประชาธิปไตยต้องมีความเห็นต่าง เพื่อพูดคุยกันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
กรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะฟ้องร้องดำเนินคดีหากเกิดการชุมนุมนอก 7 พื้นที่ ชัชชาติกล่าวว่า ส่วนนี้ยังไม่เข้าใจอยู่ มันคืออะไร ต้องไปถามฝ่ายกฎหมายอีกที เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่ให้เป็นทางเลือกของประชาชน หากเขาไม่เลือกสถานที่ที่เรากำหนดไว้ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่บังคับไว้ แต่ก็ขอบคุณศรีสุวรรณที่ช่วยชี้ประเด็น จะให้ฝ่ายกฎหมายดูให้รอบคอบอีกครั้ง
