วันนี้(19 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ประชุมร่วมกับ คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา นำโดย สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและเชิงบริหารจัดการหาบเร่แผงลอย
ภายหลังการประชุม สังศิตกล่าวว่า เรื่องหาบเร่แผงลอยเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศยากลำบาก นโยบายการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำที่สุจริตเป็นเรื่องสำคัญ จึงมองว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ควรทบทวนระเบียบคำสั่งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ให้แม่ค้ากลับมาค้าขาย และคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงควรปลดล็อกกฎเกณฑ์การห้ามขายของวันจันทร์ เพราะคนต้องกินต้องใช้ทุกวัน
ทั้งนี้อยากให้ กทม. มองกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม เพราะประเทศนี้จะมีความแข็งแรงในอนาคตได้จะต้องให้ SMEs เป็นกระดูกสันหลังของประเทศ ตนเองเห็นว่า กทม. ยุคนี้จะต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจระยะยาว
สังศิตกล่าวต่อไปว่า เรื่องจัดหาที่อยู่อาศัยราคาถูกให้คนที่มีฐานะไม่ดี ควรพิจารณาถึงความมั่นคงของประเทศในระยะยาว ด้านการศึกษาจะต้องฝึกให้เด็กมีคุณธรรม จริยธรรม มีความกตัญญู และฝึกให้ประกอบอาชีพเป็น ซึ่ง กทม. จะต้องชดเชยโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กที่มาศึกษาในกรุงเทพฯ และอยากเห็นโรงเรียนเป็นศูนย์พัฒนาคน ซึ่งทำมาแล้วกว่า 200 แห่ง และหากในอนาคตมีการช่วยกันผลักดันจริงจังโดยดึงภาคธุรกิจเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมนั้น ก็เชื่อว่าจะสร้างเด็กให้ทำธุรกิจเป็น
ด้านชัชชาติกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอย กทม. จะเดินหน้าเต็มที่ โดยจะมีการยกเลิกจุดผ่อนผันเดิม และทบทวนบางจุดที่เหมาะสม รวมถึงจะต้องปรับกฎระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่
ส่วนตลาดชุมชนจะมีระเบียบอีกรูปแบบหนึ่งที่มาบังคับใช้ ทั้งนี้จะต้องแบ่งเป็นตลาดชุมชน ตลาดออฟฟิศ และตลาดท่องเที่ยว แต่ละตลาดจะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไป โดย กทม. จะต้องหาความร่วมมือกับภาคเอกชนในการทำ Hawker Centre
สำหรับการหารือในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขจัดความเหลื่อมล้ำ เพราะ กทม. ไม่ได้มีหน้าที่แค่เก็บขยะลอกท่อ แต่จะต้องดูแลเศรษฐกิจของเมือง โดยเฉพาะของคนตัวเล็กตัวน้อย ที่ยิ่งนานวันความเหลื่อมล้ำยิ่งมากขึ้น กทม. จะเข้าไปเกลี่ยความเหลื่อมล้ำนี้โดยใช้เรื่องการศึกษาที่ดี ลดกฎเกณฑ์การทำมาหากินให้กับประชน โดยจะมีการหยิบกฎระเบียบที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้มาทบทวนใหม่ทั้งหมด
ส่วนกรณีที่กรรมาธิการฯ เสนอให้ยกเลิกการหยุดวันจันทร์สำหรับการค้าขายของหาบเร่แผงลอยนั้น ชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะเห็นต่างกับข้อเสนอของกรรมาธิการฯ เพราะมองว่าควรมีหยุดบ้างเพื่อให้ได้ทำความสะอาด และป้องกันการจับจองพื้นที่ระยะยาว ทั้งนี้ในแต่ละพื้นที่จะหยุดไม่เหมือนกัน และให้มีการทบทวนว่าจะหยุดทุกสัปดาห์หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง ซึ่งในพื้นที่ก็จะต้องมีคณะกรรมการชุมชนที่จะมาดูแลพื้นที่ร่วมกัน
ทั้งนี้จุดผ่อนผันการค้าขายของหาบเร่แผงลอย คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะชัดเจนว่าจะผ่อนผันจุดใดหากมีการยกเลิก เชื่อว่าจะลดเรื่องปัญหาการทุจริตการเก็บส่วยได้ด้วย