การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องปิดให้บริการร้านค้าในส่วนงานแฟชั่นและฮาร์ดไลน์ (Non-food) ชั่วคราว คิดเป็นสัดส่วน 90% ของจำนวนร้านค้าทั้งหมด ตามประกาศของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ในขณะที่ส่วนงานฟู้ด (Food) เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ยังคงเปิดให้บริการตามปกติทั่วประเทศ
สำหรับไตรมาส 1/2563 นี้ CRC ได้รายงานผลประกอบการว่ามีรายได้รวมอยู่ที่ 54,285 ล้านบาท ยอดเติบโตเพิ่มขึ้น 1% และมีกำไร 890 ล้านบาท ลดลง 63.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้การขายที่ลดลงเนื่องจากต้องปิดร้านชั่วคราวดังที่กล่าวไปข้างต้น
เมื่อเจาะเข้าไปยังรายได้จากการขายเท่ากับ 48,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งได้ตามนี้
- กลุ่มธุรกิจแฟชั่น มีรายได้ 12,343 ล้านบาท ลดลง 22.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 3,500 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคมีการชะลอการจับจ่าย อย่างไรก็ตามได้มีการ Omni-channel และรุกช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้ช่องทางนี้มียอดขายที่เพิ่มขึ้น 107% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ธุรกิจกลุ่มฮาร์ดไลน์ มีรายได้ 13,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ขายสุทธิของร้านค้าจากการเปิดสาขาใหม่ภายใต้ส่วนงานฮาร์ดไลน์ในประเทศไทย และการรวมธุรกิจเหงียนคิมเข้าเป็นส่วนของบริษัท และยังมีกลุ่มอุปกรณ์ก่อสร้างหรืออุปกรณ์ต่อเติมบ้านแบบ DIY ที่เติบโต ส่วนออนไลน์ขายได้เพิ่มขึ้น 64%
- ธุรกิจกลุ่มฟู้ด มียอดขาย 22,435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายในประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่และจากสาขาเดิมของบิ๊กซีเวียดนาม และการเติบโตของธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย หักกลบกับการปิดสาขาของคอนวีเนียนสโตร์ นอกจากนี้สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ส่งผลในเชิงบวกต่อยอดขายของธุรกิจ เนื่องจากลูกค้าซื้อสินค้าจำนวนมากขึ้นเพื่อเก็บสำรองไว้
ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม Customer Centric Omni-channel และการปรับตัวอย่างรวดเร็วของเซ็นทรัล รีเทล ทำให้ช่องทาง Omni-channel มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 93% รวมทั้งธุรกิจกลุ่มฟู้ดและกลุ่มฮาร์ดไลน์ที่ยังคงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และธุรกิจในประเทศเวียดนามมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางต่อไป CRC ได้ตั้งเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในระยะยาวที่จะเติบโตด้านรายได้และกำไรอย่างยั่งยืนด้วยแพลตฟอร์ม Customer Centric Omni-channel ที่มีรูปแบบหลากหลาย ทั้ง Multi-category, Multi-format และ Multi-market โดยเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์ม Omni-channel และได้วางแผนต่อยอดไปยังธุรกิจต่างประเทศ อาทิ บริการออนไลน์ที่จะเปิดตัวที่รีนาเชนเต ประเทศอิตาลี ในเดือนมิถุนายน
นอกจากนี้ยังเน้นปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสภาพคล่อง และเน้นการลงทุนขยายสาขา Strategic Growth Projects ทั้งในและนอกประเทศ เช่น การขยายสาขาไทวัสดุ, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ท็อปส์ มาร์เก็ต และ GO! เวียดนาม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum
