ถึงธุรกิจการท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากการระบาดของโรคโควิด แต่ ‘เซ็นทารา’ ก็มั่นใจถึงการฟื้นตัวในอนาคต จึงตั้งเป้าที่จะขยายโรงแรมและรีสอร์ตในเครือให้ครบ 200 แห่ง ภายในปี 2569 หรืออีก 5 ปีนับจากนี้
ปี 2565 เซ็นทาราจะเดินหน้าเปิดโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเพิ่มอีก 8 แห่ง (จำนวน 1,066 ห้อง) ให้ครอบคลุมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักในไทย เช่น กรุงเทพฯ โคราช และอุบลราชธานี และในต่างประเทศ เช่น ลาว โอมาน และกาตาร์ โดยใช้งบลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 2 พันล้านบาท
โดยเตรียมขยายความสำเร็จของแบรนด์ เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สู่หัวเมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อย่างเช่น กระบี่ รวมถึงโปรเจกต์ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาหาข้อมูลเพื่อพัฒนาต่อไป เช่น เกาะลันตา และชะอำ
สำหรับการขยายสาขาในต่างประเทศ โรงแรมในมัลดีฟส์แห่งใหม่ 2 แห่งนั้นเพิ่งได้รับการรับรองผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จึงสามารถเริ่มดำเนินงานก่อสร้างได้ ต่อจากก่อนหน้าที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้ว 3 แห่ง โดยจะมี 2 แห่งที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้เซ็นทารามีโรงแรมในในมัลดีฟส์ที่เปิดให้บริการทั้งสิ้นเป็น 4 แห่ง
นอกจากนั้นโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างเซ็นทารา, บริษัท Taisei Corporation และ Kanden Realty & Development ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างก็มีความคืบหน้า และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2566 รวมถึงโรงแรมโคซี่ ภูเย็น ในเวียดนาม ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2566 โดยจะถือเป็นโรงแรมโคซี่แห่งแรกของเซ็นทาราในต่างประเทศ
ในส่วนของการเติบโตในตลาดต่างประเทศ เซ็นทารามุ่งหน้าขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาบมหาสมุทรอินเดีย ญี่ปุ่น จีน ตะวันออกกลาง รวมถึงซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่มีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย อีกทั้งยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดยุโรปด้วยเช่นกัน
“เราตั้งเป้าเปิดโรงแรมและรีสอร์ตใหม่อีกหลายแห่งทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้ จึงถือได้ว่าปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่เซ็นทาราจะมุ่งมั่นสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 100 แบรนด์โรงแรมระดับโลกให้ได้ตามที่เคยได้ตั้งเป้าไว้” ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว
ณ สิ้นปี 2564 เซ็นทารามีโรงแรมและรีสอร์ตภายใต้การบริหาร 85 โรงแรม (17,448 ห้อง) มีผลดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4/64 มีรายได้รวม 1.09 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้ที่ 5.9 พันล้านบาท
บทวิเคราะห์จาก บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า เซ็นทาราตั้งเป้าในปี 2565 มีอัตราเข้าพัก (Occ. Rate) เพิ่มขึ้นเป็น 40%-50% เมื่อเทียบกับ 18% ในปี 2564 และรายได้เฉลี่ยจากห้องที่มีทั้งหมด (RevPar) 1,700-1,900 บาท เมื่อเทียบกับ 772 บาท ในปี 2564
ด้านเมย์แบงก์ระบุว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ทั้งในส่วนของโรงแรมและร้านอาหาร ทำให้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรหลักเป็น 738 ล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 200 ล้านบาทปี 2565 และเพิ่มเป็น 1.9 พันล้านบาทในปี 2567
ขณะที่หยวนต้าระบุว่า จากผลประกอบการที่ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดในไตรมาส 4/64 ทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการปี 2565 ขึ้น 71% เป็นกำไรปกติ 658 ล้านบาท หลักๆ จากการปรับเพิ่มสมมดิฐานอัตรากำไรขั้นต้นของทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหาร หนุนจากภาพการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของทั้งสองธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารด้านต้นทุนวัตถุดิบของสินค้า หรือแม้กระทั่งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่ทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคโควิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Centara Reserve Samui พักรีสอร์ตหรู อยู่สบาย สไตล์โคโลเนียล บนหาดเฉวง
- 1 พ.ย. ครั้งแรกในรอบ 1 ปี 8 เดือน เปิดประเทศรับ ‘นักท่องเที่ยว’ 63 ประเทศแบบ ‘ไม่กักตัว’ ภาพโรงแรมมองบวก ช่วยฟื้นธุรกิจ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
