วานนี้ (20 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘เปิดแผนอุ้มประวิตร ปิดคดีนาฬิกาเพื่อน’ โดยกล่าวถึงกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการช่วยเหลือ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ไม่ถูกชี้มูลความผิดกรณีนาฬิกา
ธีรัจชัยเริ่มต้นด้วยการกล่าวย้อนไปถึงกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตร ว่า ประชาชนสงสัยว่าคนที่รับราชการมาตลอดทั้งชีวิตอย่าง พล.อ. ประวิตร เอาเงินจากไหนมาซื้อนาฬิกาหรูแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีคนไปเปิดบัญชีทรัพย์สินที่ พล.อ. ประวิตร ยื่นต่อ ป.ป.ช. ทั้ง 4 ครั้ง คือเมื่อปี 2551, 2554, 2555 และ 2557 ก็ไม่พบว่ามีนาฬิกาหรูเรือนนี้อยู่ในบัญชีทรัพย์สิน
เรื่องนี้ทำให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบรูปภาพนาฬิกาข้อมือที่ พล.อ. ประวิตร สวมใส่เวลาไปออกงานต่างๆ จนพบว่า พล.อ. ประวิตร ใส่นาฬิกาหรูหลายรุ่น หลายยี่ห้อ นับรวมแล้วได้ถึง 25 เรือน ซึ่ง พล.อ. ประวิตร แจ้งกับ ป.ป.ช. ว่า นาฬิกาทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ตามรูปถ่ายนั้นยืมมาจากเพื่อนคนเดียวชื่อว่า ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 หรือเสียชีวิตไปก่อนที่เรื่องจะแดงออกมาถึง 10 เดือนเต็ม
ต่อมา ป.ป.ช. ได้ออกหนังสือแถลงข่าว สาระสำคัญคือ ป.ป.ช. เชื่อว่านาฬิกาทั้งหมดนั้นเป็นของปัฐวาท เพื่อนของ พล.อ. ประวิตร จริง และเชื่อว่า พล.อ. ประวิตร ยืมนาฬิกาของเพื่อนมาจริง มีสื่อมวลชน The Matter ได้ไปขอเอกสารผลสอบคดีและหลักฐานประกอบการสืบสวนทั้งหมดในคดี แต่ ป.ป.ช. กลับพยายามที่จะปกปิดข้อมูลด้วยสารพัดข้ออ้าง ซึ่งสื่อมวลชนเจ้านี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ โดยทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) แต่ก็ยังได้แค่กระดาษเปล่ากลับมา
เหตุผลที่ ป.ป.ช. เชื่อว่าปัฐวาทเป็นเจ้าของนาฬิกาจริง ล้วนแล้วแต่น่าเคลือบแคลงสงสัย ทั้งการที่ ป.ป.ช. ไม่ได้เรียกหลักฐานเข้ามาตรวจสอบที่ ป.ป.ช. แต่กลับส่งเจ้าหน้าที่ไป ‘บริการ’ ตรวจสอบถึงบ้านปัฐวาท กว่าที่ ป.ป.ช. จะไปตรวจบ้านของปัฐวาท ก็เป็นเวลาหลังจากที่เกิดเรื่องร่วม 2 เดือน ซึ่ง พล.อ. ประวิตร สามารถยักย้ายถ่ายเทนาฬิกา 20 เรือนไปที่ไหนก็ได้ อีกทั้งไม่เคยปรากฏเอกสารการซื้อ-ขายนาฬิกาของปัฐวาท ไม่มีหลักฐานที่บอกว่าปัฐวาทเคยใส่นาฬิกาหรูทั้ง 20 เรือน เช่น รูปถ่ายปัฐวาทกับนาฬิกา แต่ ป.ป.ช. กลับเชื่อว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของปัฐวาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้เป็นการยึดถือเพื่อตน
สาเหตุที่ ป.ป.ช. เชื่อว่านาฬิกาเหล่านี้เป็นของปัฐวาทจริง เพียงเพราะลูกสาวของปัฐวาทมาให้การกับ ป.ป.ช. ว่าปัฐวาทกับ พล.อ. ประวิตร เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติจากกรณีที่พบว่าหานาฬิกาไม่เจอ 1 เรือน ป.ป.ช. ก็ยังตีขลุมว่าหานาฬิกาเรือนอื่นๆ อีก 20 กว่าเรือนเจอ เลยถือว่านาฬิกาที่หาไม่เจอนั้นเป็นของ พล.อ. ประวิตร จริง
เรื่องนี้มีกรณีเทียบเคียงคือ กรณีของสุพจน์ที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่าสุพจน์นั้นร่ำรวยผิดปกติ โดยมีรถ Volkswagen คันหนึ่ง มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ที่สุพจน์ไม่ได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์ สินสุพจน์ก็พยายามต่อสู้แก้ต่างว่ารถ Volkswagen คันนี้เป็นรถที่ยืมคนอื่นมา แต่ ป.ป.ช. ชุดนั้นไม่เชื่อว่ารถคันนั้นไม่ใช่ของสุพจน์ ทั้งที่ชื่อในเล่มทะเบียนรถคันนั้นก็เป็นของบุคคลอื่น และสุพจน์ก็คืนรถ Volkswagen คันนั้นไปแล้วด้วย แต่ ป.ป.ช. ก็ยังไม่เชื่อ โดยให้เหตุผลว่า ถึงชื่อในทะเบียนรถจะเป็นชื่อผู้อื่น แต่รถเป็นทรัพย์ของสุพจน์ เพราะฉะนั้นสุพจน์ก็ต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ขอถามว่ากับกรณี พล.อ. ประวิตร ทำไม ป.ป.ช. ไม่ใช้มาตรฐานเดียวกันในการวินิจฉัย เป็นเพราะ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบันมีประธานเป็นอดีตคนสนิท พล.อ. ประวิตร และคณะกรรมการก็เป็น คสช. ตั้งขึ้นมาเองใช่หรือไม่
“ภาพที่แสดงอยู่บนหน้าจอขณะนี้คือข้อมูลนาฬิกาหรูทั้ง 20 เรือน มียี่ห้อและ Serial Number หรือหมายเลขประจำนาฬิกาแต่ละเรือน สามารถตรวจสอบไปยังบริษัท ผู้ผลิต และผู้จำหน่าย ในต่างประเทศได้ ที่ ป.ป.ช. และกรมศุลกากร ไม่ยอมดำเนินการตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือในคดีอาญา พ.ศ. 2535 ให้ได้ความจริง ผมขอเรียนไปพี่น้องประชาชน, สื่อมวลชน, องค์กรป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันทั่วโลก รวมทั้งองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ในเมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทุจริตโดยตรงของประเทศไทยไม่ตรวจสอบ ผมจึงจำเป็นต้องเปิดข้อมูลชุดนี้ เพื่อให้ประชาชนร่วมใจใช้ทุกองคาพยพที่มีตรวจสอบให้ได้ว่าเจ้าของนาฬิกาหรูตัวจริงคือใคร เพื่อฉีกหน้ากากความเสื่อม ความตกต่ำของกระบวนการตรวจสอบปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน และการบังคับใช้กฎหมายของประเทศนี้” ธีรัจชัยกล่าวทิ้งท้าย
