วันนี้ (3 กันยายน) สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายสรุปปิดท้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จากการอภิปรายของสมาชิกทั้งหมดที่ผ่านมาแล้ว เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนจมอยู่ในกองทุกข์ และประเทศจมอยู่ในกองหนี้ ทั้งประเทศและประชาชนตกอยู่ในสภาพไร้ทางออกไร้ความหวัง โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ประชาชนกลัวตาย คนไทยเหมือนไก่ใกล้ตรุษจีน ไก่จะถูกเชือด คนจะถูกโรคกินเป็นตายจึงเกิดทุกข์ครั้งใหญ่
ถ้าวันนี้ตรวจกันครบ และตรวจกันจริงๆ ตรวจเชิงรุกจริงๆ เขาบอกคงต้องเอา 6 มาคูณก็ 6-7 ล้าน พอป่วยแล้วทุกข์ต่อไปก็คือตาย จากนั้นอันต่อไปคืออดอยากยากจน ซึ่งหากจะให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลในการตายของประชาชนก็อาจจะกล่าวได้ว่าตายจากโรคโควิด นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้ฆ่า แต่เมื่อมาวิเคราะห์แล้วเหตุแห่งการตายของประชาชนคือตายเพราะผู้นำไร้ภูมิปัญญา ไร้วิสัยทัศน์ ตายเพราะผู้นำไร้ความสามารถ ตายเพราะผู้นำโกง ตายเพราะผู้นำโอหังคลั่งอำนาจ และตายเพราะผู้นำไร้สำนึกไร้ความรับผิดชอบ
สุทินกล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าการใช้ญัตติครั้งนี้เป็นการใช้คำที่รุนแรงมาก ค้าความตาย ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถนั้นจริง แรกๆ ตนคิดว่าภาษาก็หนักจริง คำเหล่านี้มีเหตุมีผลอยากจะให้นายกรัฐมนตรีเปิดใจกว้างรับฟัง ในบรรยากาศที่คนทุกข์คนตาย ผู้แทนราษฎรก็ต้องเป็นเงาสะท้อนของประชาชน นี่คือความงดงามของประชาธิปไตย ดังนั้นคนตายเป็นเบือ ป่วยกันระนาว ความทุกข์ปกคลุมประเทศอย่างนี้เราจะมาใช้ นะจ๊ะ นะจ๋า คงไม่ใช่ ถ้าทำอย่างนั้นเหมือนไม่ให้เกียรติคนตาย อย่างนั้นภาษาจึงสะท้อนกับความรู้สึก
ตัวเลขผู้ป่วยถ้าเราคูณ 6 เข้าไปก็ 6-7 ล้านคน ตายเกือบแสน เพราะเราตรวจน้อยและรายงานน้อย วันนี้ที่เราวิตกก็คือท่านกำลังสื่อให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริงที่บิดเบือน ซึ่งก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจพูดว่าติดเชื้อต่อวันกว่า 23,000 คน พอยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวเลขเริ่มลดลงวันละ 1,000 คน สุดท้ายมาอยู่ที่ 15,000 คน จึงเป็นที่แปลกใจว่าเหตุใดในการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง หากเป็นอยู่อย่างนี้ 20 วันตัวเลขคงหายหมด เมื่อสงสัยจึงเข้าไปดูตัวเลขที่แท้จริง ซึ่งปรากฏว่าตัวเลขที่น้อยลงนั้นมาจากผลการตรวจลดน้อยลง ความจริงคือความจริง ไม่โผล่วันนี้ก็โผล่ในวันหน้า วันที่รัฐบาลไม่อยู่ คนซวยคือประชาชน ประชาชนเข้าใจสิ่งผิดเพี้ยน สิ่งที่ตามมาคือการ์ดตก
สุทินกล่าวว่า ที่สำคัญที่สุดคือประชาชนตายอย่างไรในวันนี้ ความเป็นมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ความกลัวที่สุดคือกลัวตาย ใครทำให้เขาตาย ใครบริหารผิดพลาดให้คนตายถือว่าเป็นความล้มเหลวขั้นสูงสุด คุณทำให้เขาจนค่อยยังชั่ว ทำให้เขาเจ็บค่อยยังชั่ว แต่บริหารหรือจงใจให้ผิดพลาดให้คนตายถือว่าเป็นความล้มเหลวสูงสุด ความตายหนีไม่พ้น แต่ท่านต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ ถ้าตายในเวลาอันควรไม่มีใครว่าหรอก ใครก็อยากได้ ชอบที่สุด ที่ไม่สมควรตายก็อย่าให้ตาย แล้วถ้าตายจริงๆ ก็ให้มีมาตรฐานของความเป็นมนุษย์ ตายแบบมีศาสนา และตายแบบมีเกียรติ ถ้าตายต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นมนุษย์ ตนขอยกมืออโหสิกรรมกับทุกดวงวิญญาณ
วันนี้กลุ่มแรกที่ติดโควิด โรงงานต้องให้กลับบ้าน แรงงานไม่มีรถกลับบ้าน พอกลับได้แล้วก็ไม่มีโรงพยาบาลเข้า เพราะอ้างว่าไม่มีใบรับรองในการตรวจ ตามชนบทกลับไปแล้วไม่มีจะกิน เพราะคนที่บ้านก็เคยกินกับคนเหล่านี้ที่เขาเคยส่งเงินกลับบ้าน ที่ท่านนายกรัฐมนตรีออกมากล่าวว่าเศรษฐกิจดี ความเข้มแข็งในการเงินการคลังอย่างดี ความจริงวันนี้คือเขาไม่มีกิน และกลุ่มที่หนักคือเกษตรกร สินค้าเกษตรตกต่ำ และวันดีคืนดีโรคลัมปีสกินทำให้สูญเสียชีวิตของสัตว์และสูญเสียเงินทองที่เหลืออยู่ของประชาชน ขณะที่ชาวประมงรายย่อยที่ภาคใต้ ท่านรู้หรือไม่เขาขายเรือประมงไปแล้ว 3-4 หมื่นลำ พอมาถึงกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า SMEs ตายเรียบ เหลือเพียงห้าง ผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่มีรายได้กำไรผลประกอบการแต่ละไตรมาสที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลทุกตัวต่างไหลเข้าห้างใหญ่ พ่อค้าแม่ขายตามหัวเมืองต่างจังหวัดเจ๊ง ไม่พอ ท่านรัฐมนตรียังออกมาปฏิเสธอีกว่าไม่จริง ใครบอกตกงานเยอะ มีแจ้งปิดกิจการเพียง 7 พันราย และมีผู้แจ้งขอเปิดกิจการรายใหม่อีก 40,000 ราย ตนกล้าพูดตรงนี้เลยว่าเปิดแบบภาพหลอก ต้องไปดูว่าดำเนินธุรกิจจริงกี่ราย ความกังวลความกลัวตายวันนี้ยังปกคลุมประชาชนอยู่ แม้แต่ในสภาวันนี้เราก็ยังกลัว แต่ก็ต้องกัดฟันทำหน้าที่ ไม่รู้ว่าจะเจอโควิดเมื่อไร ชาวบ้านวันนี้เดินชน 10 คนฉีดวัคซีนเพียง 2 คน อีก 8 คนไม่ได้ฉีดเลยสักเข็มเดียว
ถามว่าทุกอย่างที่กล่าวมานี้ใครทำ เป็นความผิดของใคร ชาวบ้านใช่หรือไม่ที่ไม่รักษาตัวเองดีพอ ไม่ดูแลตัวเอง ประมาทเลินเล่อ หรือชาวบ้านไม่ฟังหมอ ไม่ฟังรัฐบาล ไม่ฟังนายก ความผิดทั้งหมดประยุทธ์ใช่หรือไม่ อนุทินใช่หรือไม่ ไปฆ่าเขาใช่หรือไม่ ตอบแบบเป็นธรรมเลยว่าไม่ใช่ แต่เป็นความผิดของรัฐผู้บริหาร ผู้นำ คณะรัฐมนตรี ผิดข้อที่หนึ่งคือท่านไม่มีมาตรการป้องกัน ไม่เตือนภัยชาวบ้าน การป้องกันไม่ดี ระบาดครั้งแรกที่เวทีมวย ระบาดครั้งที่ 2 ชายแดนแรงงาน ครั้งที่ 3 ทองหล่อ ล้วนแต่เกิดจากความหละหลวมรวมของรัฐแท้ๆ
สุทินกล่าวว่า รัฐไม่มีวัคซีนให้ประชาชน มีมาก็ช้า พอมาก็ไม่มีคุณภาพ และยังกระจายไม่เป็นธรรมอีก เมื่อวานนี้รัฐมนตรีได้มาตอบว่าเราได้วัคซีนแล้ว จะครบแล้วทั้งสิ้นปีนี้และปีหน้า ครบเต็มแขน นี่เขาเรียกว่าได้ผ้าห่มมาตอนสว่าง ตอนกลางคืนที่เขาเหน็บหนาว ทำไมไม่เอาผ้าห่มมาให้เขา เขาดิ้นตาย นอนตัวงอ ไม่เอาผ้าห่มมา สว่างปั๊บผ้าห่มมาแล้วมีประโยชน์อะไร เมื่อก่อนเราสังเวชอินเดีย วันนี้มาถึงไทยจนได้ รอตรวจ รอเตียง รอตาย พอได้เตียงแล้วเราจะต้องมารอว่าหมอจะให้ใครอยู่ใครไป วันนี้เราอยู่ถึงจุดที่จะให้ใครอยู่ใครไปแล้วหรือ ระบบสาธารณสุขอ่อนแอ รองรับประชาชนไม่ได้ ชัดเจนแล้วว่าเป็นความล้มเหลวของรัฐ
ต้องขอบอกรัฐบาลว่ายุทธศาสตร์วัคซีนได้ข้ามไปแล้ว วันนี้วัคซีนไม่ทัน มันกลายพันธุ์ไปเยอะ ยุทธศาสตร์ตอนนี้เขาไปคิดเรื่องยากันแล้ว ป้องกันไม่อยู่ ต้องเอายาอย่างเดียวแล้ว ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถามว่าเป็นความบกพร่องของใคร คุณล้มเหลว คุณผิดพลาด ถ้าผู้นำมีความเข้มแข็ง บริหารเป็น เราอาจจะไม่เป็นขนาดนี้ ใช่ที่ทั่วโลกเผชิญกับโควิดเหมือนกัน แต่บางเรื่องเขาก็ไม่เหมือนกับเรา ตายแบบชักดิ้นชักงอกลางถนนแบบนี้มีกี่ประเทศ ตายในสภาพที่ต่ำกว่าความเป็นมนุษย์มีหรือไม่ มีหรือไม่ที่เขาล็อกวัคซีนของประเทศไว้เพียงยี่ห้อเดียว
ทั้งนี้ช่วงสุดท้ายในการอภิปราย สุทินได้กล่าวว่า ความหวังต่อรัฐบาลพังมานานแล้วโดยเฉพาะเมื่อวาน ความหวังพังที่ชั้น 3 จากนั้นสุทินได้เปิดภาพที่ปรากฏตามกระแสข่าว ว่ามีผู้ติดตามนายกรัฐมนตรีถือกระเป๋าสีดำขนาดใหญ่เข้าสภาจำนวนหลายใบ ตนไม่ขออธิบาย ให้ประชาชนดูกันเอง วันนี้ความหวังของตนดับ พี่น้องประชาชนหมดหวังแล้ว เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ความหวังที่ตนมี ที่เพื่อน ส.ส. มี และที่ประชาชนมี หมดแล้ว ไม่ได้หมดเฉพาะประชาชนและตนเท่านั้น ท่านประธานก็หมดหวังไปด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวขึ้นมา ถ้าหากเรื่องนี้เป็นจริงคนๆ นี้ทำลายประชาธิปไตยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของรัฐสภา พวกตนไม่ไว้วางใจมานานแล้ว วันนี้ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจ มันรับไม่ได้ทุกคนเลย ฝ่ายค้านทุกชีวิตรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
หลังสุทินอภิปรายสรุปจบ ชวน หลีกภัย ได้นัดหมายประชุมเพื่อลงมติในวันพรุ่งนี้ (4 กันยายน) เวลา 10.00 น. ก่อนจะสั่งปิดการประชุมในเวลา 20.23 น.