วันนี้ (1 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันที่สอง ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ณ ห้องประชุมพระสุริยัน ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายน 2564 และลงมติในวันที่ 4 กันยายน โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้คงไม่มีใครพูดดีให้ตนอยู่แล้ว ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนทำเพื่อประเทศมาโดยตลอด สิ่งที่ตนทำสำเร็จ ฝ่ายค้านก็ไม่ได้ตาม ไม่พูดถึง ไม่เคยเอาความสำเร็จของตนไปเทียบกับรัฐบาลก่อนๆ เลย อยากให้ฝ่ายค้านให้ความเป็นธรรมต่อตนด้วย แต่วันนี้คิดว่าคงมาดิสเครดิตกันอย่างเดียว
“ด้านการท่องเที่ยว เรามีนโยบายเรื่องการท่องเที่ยวแบบมีคุณภาพมากกว่าปริมาณ ยืนยันว่าจะเปิดประเทศ 120 วัน ไม่อยากให้ทุกคนขาดความเชื่อมั่นในตรงนี้ ที่ผ่านมามี Phuket Sandbox คนในพื้นที่ก็พึงพอใจ ที่ฝ่ายค้านกล่าวว่าตนไม่เตรียมพร้อม ตนเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งนี้ ไม่มีประเทศไหนที่ GDP สูงในช่วงโควิด จะมาเปรียบเทียบว่าเราไม่มีอะไรดีเลยไม่ได้ อย่าลืมว่ารัฐบาลดูแลประชาชนไปเท่าไรในเรื่องการลดดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้ จะมาบอกว่าไม่เกิดประโยชน์ไม่ได้ อยากให้ก็ลองไปถามประชาชน 30-40 ล้านคน ดูว่ารัฐบาลช่วยอะไรบ้าง การจะลดหนี้ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ไม่ได้ทำง่ายๆ มันอาจต้องใช้เวลา เพราะปัญหาสะสมเป็นเวลานาน ที่เสนอมาทำไมไม่ทำในรัฐบาลของท่านล่ะ” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ ยังระบุอีกว่า นี่ถึงเวลาที่ตนต้องมาแก้ไขปัญหาที่หมักหมม หลายอย่างแก้ไขไปแล้ว หลายอย่างแก้ไม่ได้ อยากให้ประชาชนเข้าใจตรงนี้
“ที่นี่ไม่ใช่เวทีหาเสียง ฝ่ายค้านอย่ามาพูดจาเหมือนการหาเสียง นี่เป็นเวทีช่วยแก้ปัญหา ตนฟังเสียงประชาชนเสมอ อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีแขกไปที่บ้านตนเป็นเวลากว่า 10 ปี และตนไม่เคยไปสถานที่ต่างๆ นอกจากไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ตนก็ฟังเสียงประชาชนเสมอ และอนาถใจเหมือนกัน เพราะฝ่ายค้านพูดจาไม่มีข้อเท็จจริงเลย” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอีกด้วยว่า ที่ผ่านมาตนพยายามสร้างสมดุลกับประเทศมหาอำนาจ อย่าลืมว่าประเทศไทยไม่น้อยหน้ากว่าใครในเรื่องศักดิ์ศรี เราปกครองในประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร แต่มีหลายคนเป็นบ่อนทำลาย เถียงมาสิว่าไม่มี วันนี้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเดิมๆ ที่หมักหมมมาอย่างยาวนาน ทั้งเจอสถานการณ์โควิดที่วิกฤตเข้าไปอีก มันจึงต้องมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด จะบอกไม่มีอนาคตได้ยังไง อยากถามว่าเมื่อก่อนมีหรือ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านทำลายความเชื่อมั่นไปหมด ประเทศชาติได้อะไรที่เรามาอยู่กันตรงนี้และขัดแย้งกันตลอดเวลา
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวต่อไปว่า แผนเปิดประเทศหากทำได้ในเดือนตุลาคมเราก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็เปิดเป็นส่วนๆ ไปก่อน และถึงเราจะเปิดเท่าไรก็ตามแต่ถ้ายังมีโรคระบาดก็มีนักท่องเที่ยวน้อยลงเสมอ แต่ถ้าเราสามารถจัดการได้ทั้งประเทศต้นทางและปลายทางได้ก็จะดี ตนก็พยายามติดต่อเจรจากับหลายๆ ประเทศจนสถิติการท่องเที่ยวสูงขึ้นเรื่อยๆ นับว่าเราได้เริ่มต้นไปแล้วและจะเดินหน้าต่อไป อย่าลืมว่าเราต้องช่วยกัน ฝ่ายค้านแนะนำอะไรมาก็กรุณาช่วยกันด้วย อย่าทำให้คนแตกแยกเป็นสองฝ่าย ไม่งั้นไม่เกิดความร่วมมือ ทำอะไรไม่สำเร็จ
“อยากถามว่าที่คนมาชุมนุมนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือ ถ้าถูกต้องจริงใครจะไปทำอะไรท่าน แล้วตนเห็นว่าไม่สมควรเลยที่ ส.ส. ไปอยู่เบื้องหลังการชุมนุมเหล่านี้ บอกไว้ว่าตนก็กลัวกฎหมาย กลัวเรื่องการทุจริต เพราะมีแบบอย่างมาแล้ว มีคนที่ทุจริต มีคดี ถูกลงโทษติดคุก หนีคดี ท่านไม่ต้องมาขู่หรอก อย่ามาขู่กันบ่อยนัก” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ตนฟังเสียงประชาชนเสมอ อยากถามว่าที่ผ่านมาฝ่ายค้านปล่อยปละละเลยปัญหามานานแค่ไหน ตนทำมาตรการผ่อนคลายให้ผู้ประกอบการมาตลอดตั้งแต่สมัยรัฐบาล คสช. ดังนั้นอย่าดราม่ามากนัก อย่าเอาข้อมูลตามโซเชียลมาพูด วิเคราะห์ข้อมูลให้ดี ถ้าฝ่ายค้านยังค้านอยู่แบบนี้เราจะเดินหน้าได้อย่างไร อยากให้เทียบกับรัฐบาลก่อนๆ ที่ฝ่ายค้านว่าดีๆ นั้นทำได้อย่างตนบ้างไหม ที่บอกเรื่องเงินกู้ ก็มันมีความจำเป็นเลยต้องกู้ อยากให้ดูผลลัพธ์ด้วยว่าความแตกต่างในบ้านเมืองจาก 5-6 ปีก่อนเป็นอย่างไร ถนนหนทาง รถไฟเป็นอย่างไร รัฐบาลก่อนๆ เคยสร้างอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาจากเงินกู้ได้บ้างหรือไม่
“ผมเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกและอยู่กับรัฐบาลต่างๆ พอเข้ามาเองก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เวลานี้ พ.ศ. อะไรแล้ว อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นในไทยทำให้ตนต้องมาอยู่ตรงนี้ ตนต้องดูแลคนทั้งประเทศ มี 30-40 ล้านคน ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ เรามุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศ มีอีกหลายประเทศที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับเรา อย่ามาพูดว่าตนทำให้การท่องเที่ยวทรุด ประเทศอื่นก็ทรุด เขาเปิดประเทศให้บินหรือเปล่าล่ะ ถ้าเปิด ตนจะบินวันนี้เลย ทั้งนี้ เราจะเดินหน้าไม่ได้ถ้ายังค้านกันอยู่แบบนี้ อย่าฉวยโอกาสในเรื่องกระบวนการประชาธิปไตยอะไรของท่าน” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว พร้อมยังระบุอีกว่า
“ถ้าสิ่งที่ท่านเสนอมามันดีจริง ทำไมไม่ทำในรัฐบาลของท่าน ไม่อยากให้ประชาชนเกิดความสับสน การเมืองก็คือการเมือง ผมเข้าใจ การฟื้นตัวจะช้าลงเพราะมูลค่าการท่องเที่ยวต้องตกแน่นอน จะมาบอกว่าเพราะผมบริหารไม่ดีแล้วประเทศอื่นๆ ล่ะ เขาบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งในส่วนของไทยผมก็เสียใจและขอโทษ ผมลูกผู้ชายพอ ไม่อยากใช้วิธีแยบยลในการบ่อนทำลายผม ผมรู้ทุกคนรักกัน แต่บางคนอาจรักตัวเองมากกว่า เลิกเถอะ นึกถึงประเทศของเรา ทุกเช้าตื่นขึ้นมาต้องนึกถึงว่าจะทำอะไรให้ประเทศบ้าง ถ้าคิดจะทำลายอะไรกันก็เป็นเรื่องของท่าน” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว และทิ้งท้ายว่า ในอีก 4-5 ปี ประเทศไทยจะได้เห็นผลลัพธ์ในสิ่งที่ตนสร้างมาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องวัคซีนจะช้าจะเร็วมันก็มีปัญหาอยู่บ้าง อย่าลืมว่าโลกเขามองกันอย่างไร เขาไม่อยากให้วัคซีนเป็นสินค้าที่มีข้อขัดแย้งทางการเมือง ไปด้อยค่าเขาไปเรื่อยๆ ปีนี้จะได้วัคซีนไหม ที่ผ่านมาคนที่ฉีดก็ปลอดภัย และเราเอาวัคซีนเข้ามาหมดแหละ แต่มันต้องดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ที่ผ่านมาที่มีให้ฉีดก็ไปด้อยค่า ให้ฉีดใหม่ก็หวาดระแวงกันอีก อย่าเอาโซเชียลมาสู้ตน เอาข้อเท็จจริงมาสู้กับตนจะดีกว่า