เกิดอะไรขึ้น:
ในเดือนมีนาคม 2568 ราคาปูนซีเมนต์ถุงขายส่งในประเทศ (25-28% ของปริมาณปูนซีเมนต์ผสมทั้งหมด) เริ่มปรับขึ้นประมาณ 400 บาทต่อตัน (เพิ่มขึ้น 20%) ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2568 อย่างไรก็ตาม InnovestX Research คาดว่าราคาปูนซีเมนต์โดยรวมจะปรับขึ้นเพียง 100-150 บาทต่อตัน เนื่องจากคาดว่าราคาปูนซีเมนต์แบบเทกอง (70-75% ของปริมาณการขายปูนซีเมนต์ในประเทศทั้งหมด) จะยังคงที่หรือปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากหนึ่งในสามของปูนซีเมนต์ที่ขายในประเทศทั้งหมดนำไปใช้ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีการกำหนดราคาปูนซีเมนต์ไว้ในอัตราคงที่เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
นอกจากนี้จะต้องใช้สต๊อกที่มีอยู่จนหมด (น่าจะใช้เวลาราว 3-6 เดือน) ก่อนที่จะต้องซื้อในราคาที่สูงขึ้น ผู้ผลิตปูนซีเมนต์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าตลาดจะสามารถรับปูนซีเมนต์ที่มีราคาสูงขึ้นในช่วงที่ปริมาณความต้องการในภาคที่อยู่อาศัยต่ำได้หรือไม่ โดยเฉพาะในเดือนเมษายน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นเดือนที่ความต้องการปูนซีเมนต์ค่อนข้างต่ำ
แม้ราคาปูนซีเมนต์โดยรวมปรับขึ้นมาแล้ว 100-150 บาทต่อตัน ในเดือนมีนาคม 2568 แต่คาดว่าราคาปูนซีเมนต์โดยรวมจะปรับขึ้นเพียง 50 บาทต่อตัน ในปี 2568 ทั้งนี้เป็นเพราะความต้องการปูนซีเมนต์ในภาคที่อยู่อาศัย (50% ของความต้องการปูนซีเมนต์ทั้งหมด) ยังอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ไม่สามารถคงราคาขายในระดับสูงเอาไว้ได้ในช่วงที่ความต้องการปูนซีเมนต์ต่ำ ยกเว้นแค่ปี 2565 ที่ราคาปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นแม้ความต้องการปูนซีเมนต์อยู่ในระดับต่ำ เพราะมีแรงกดดันจากต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2568 แม้ความต้องการปูนซีเมนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% YoY ในเดือนมกราคม 2568 (อ้างอิงข้อมูลจาก สศอ.) ซึ่งเป็นผลมาจากฐานต่ำจากการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลที่ล่าช้าในเดือนมกราคม-เมษายน 2567
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCC ปรับขึ้น 17.13% และ SCCC ปรับลง 1.88% ขณะที่ SET Index ปรับลง 4.49% สู่ 1,189.66 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 สำหรับ SCCC เพิ่มขึ้น 11% และ SCC เพิ่มขึ้น 7% เพื่อสะท้อนการปรับสมมติฐานราคาปูนซีเมนต์โดยรวมเพิ่มขึ้น 50 บาทต่อตัน ในปี 2568
ขณะที่ปรับคำแนะนำสำหรับ SCCC ขึ้นสู่ OUTPERFORM (จาก NEUTRAL) และเลือกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ใหม่เป็น 193 บาทต่อหุ้น (จาก 158 บาท) อ้างอิง PE 16 เท่า หรือ -0.5S.D. ของ PE เฉลี่ย 10 ปี เนื่องจาก SCCC มีธุรกิจซีเมนต์เป็นธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียว และมีแนวโน้มที่จะรายงานกำไรเติบโตในระดับที่น่าสนใจที่สุด ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และ valuation น่าสนใจ
สำหรับ SCC คงคำแนะนำ NEUTRAL โดยปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ใหม่เป็น 192 บาทต่อหุ้น (จาก 180 บาท) ทั้งนี้แม้ว่า SCC จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ แต่คาดว่ากำไรปกติจะยังคงได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ระดับต่ำและต้นทุนคงที่ที่สูงของโครงการ LSP
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อัตราดอกเบี้ยสูง ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงอุปทานส่วนเกินในธุรกิจปูนซีเมนต์และเคมีภัณฑ์ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง