วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวว่ากรมบัญชีกลางเตรียมปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลเอกชน โดยได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ตามรายละเอียด ดังนี้
1.สามารถเบิกค่ายากระตุ้นเม็ดเลือดแดง (Erythropoietin) ที่สถานพยาบาลของเอกชนได้ จากเดิมผู้ป่วยต้องนำยาจากสถานพยาบาลของรัฐไปใช้ในการรักษาที่สถานพยาบาลเอกชน ทำให้คุณภาพของยาลดลง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภาระการจัดเก็บยาให้กับสถานพยาบาลเอกชนด้วย
2.สามารถเบิกค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สถานพยาบาลเอกชนได้ จากเดิมที่ไม่สามารถเบิกได้ เพื่อให้คุณภาพในการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้คาดว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มถือปฏิบัติตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป โดยสถานพยาบาลเอกชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการให้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์มาที่กรมบัญชีกลาง โดยระบุจำนวนเครื่องไตเทียมสำหรับผู้ป่วยฟอกเลือด สถานที่ตั้งของหน่วยไตเทียม วันและเวลาที่เปิดให้บริการ พร้อมใบรับรองมาตรฐานการรักษาจากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กรมบัญชีกลางดำเนินโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียม โดยให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวสามารถเบิกค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในสถานพยาบาลเอกชนได้ เนื่องจากสถานพยาบาลของรัฐมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ขณะนี้มีสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 223 แห่งทั่วประเทศ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์