เกิดอะไรขึ้น:
SCBS คาดการณ์รายได้ 2Q65 ของ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ทำสถิติสูงสุด โดยได้รับการสนับสนุนจากตลาดต่างประเทศ (หลักๆ จากกัมพูชา เมียนมา และจีน) ซึ่งคาดว่าปริมาณขายจะเติบโตราว 25%QoQ แต่ลดลงเล็กน้อย YoY จากฐานสูง ในขณะที่รายได้จากการขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศจะฟื้นตัว QoQ
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนอลูมิเนียมที่สูงขึ้น โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน QoQ สู่ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งกำไรสุทธิ 2Q65 น่าจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY จากฐานสูง บ่งชี้ว่า 1Q65 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้
สำหรับสินค้าใหม่ คาดว่า CBG จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Energy Plus อย่างน้อย 1 ผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่ม Functional Drink อีก 1 ผลิตภัณฑ์ ในขณะที่จะเปิดตัวเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ CBD (Cannabidiol) ในช่วงปลายปีนี้
ด้านกลยุทธ์การตั้งราคาเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ‘คาราบาวแดง’ CBG จะคงราคาขายปลีกไว้ที่ขวดละ 10 บาทต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน หลังจากนั้นจะทบทวนส่วนแบ่งการตลาดและตัดสินใจอีกครั้งว่าจะขึ้นราคาหรือไม่ ขณะที่ SCBS เห็นโอกาสในการขึ้นราคาขายเพื่อสะท้อนแนวโน้มการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของลูกค้าหลักของ CBG
ส่วนการขยายตลาดในเวียดนาม ผู้บริหารเผยว่าอาจเห็นความคืบหน้าภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะเป็นบวกและมีอัปไซด์ต่อประมาณการผลประกอบการ เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรจำนวนมากและการบริโภคมีแนวโน้มเติบโตสูง
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CBG ปรับเพิ่มขึ้น 0.46%MoM สู่ระดับ 109.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 3.35%MoM อยู่ที่ระดับ 1,634.02 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS ประเมินรายได้ปี 2565 ไว้ที่ 1.95 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.1%YoY) ขณะที่กำไรสุทธิคาดอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.8%YoY โดยคาดว่ากำไรจะทำจุดต่ำสุดใน 1H65 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ตั้งแต่กลางปี 2565 ไปจนถึงสิ้นปีนี้จะช่วยสนับสนุนให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ปริมาณขายในตลาดต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวหลังจากตลาดหลักๆ กลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง และเชื่อว่าต้นทุนวัตุดิบหลักๆ อย่างอะลูมิเนียมได้ทำจุดสูงสุดไปแล้วใน 1Q65 บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นตั้งแต่ 2H65 เป็นต้นไป และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 2H65 น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากต้นทุนอะลูมิเนียมที่ลดลงและการใช้ขวดที่มีน้ำหนักเบาลง
นอกจากนี้ SCBS ยังมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดเครื่องดื่มและเครื่องดื่มบำรุงกำลังใน 2H65 แนวโน้มที่จะมีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำน่าจะส่งผลดีต่อลูกค้าหลักของ CBG เนื่องจากจะช่วยสนับสนุนให้กำลังซื้อปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือราคาอะลูมิเนียม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของราคาอะลูมิเนียมทุกๆ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นของ CBG ราว 0.3%
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP