ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 พฤศจิกายน) แคธี วูด ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ ARK Invest ได้กล่าวมุมมองเกี่ยวกับ Bitcoin ไว้ในรายการ Merryn Talks Money ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าเงินฝาก ทั้งยังสามารถสู้เงินเฟ้อและเงินฝืดได้ในเวลาเดียวกัน
โดยวูดยังมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงจากคู่สัญญาดังเช่นสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิมอื่นๆ เนื่องจากทำงานอยู่บนระบบไร้ศูนย์กลาง (Decentralization) และความโปร่งใส (Transparency) ของเครือข่าย
ซึ่งระบบบล็อกเชนของ Bitcoin ต่างกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่ทำงานด้วยเงินฝากของลูกค้าและการทำงานแบบรวมศูนย์ (Centralization) ทำให้หากลูกค้ามีการถอนเงินฝากพร้อมกันในช่วงเวลาหนึ่ง ก็สามารถทำให้ระบบการเงินล้มละลายได้เลย ดังที่เคยเกิดขึ้นกับสถาบันการเงินบางแห่งในช่วงต้นปีนี้
โดยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยระดับดอกเบี้ยที่ยืนตัวในระดับสูง ณ ขณะนั้น ก็นำไปสู่เหตุการณ์ล้มของสถาบันการเงินชั้นนำของโลกอย่าง Silicon Valley Bank (SVB) และอีกหลายธนาคาร จากภาวะการขาดสภาพคล่องชั่วขณะ เพราะการถอนเงินของลูกค้าพร้อมกัน
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ราคา Bitcoin สามารถดีดตัวทะลุ 30,000 ดอลลาร์ไปได้ในขณะนั้น คิดเป็นการปรับตัวขึ้นไปกว่า 50% จากต้นปีในช่วงเวลาเดียวกัน จากความเชื่อมั่นในระบบกระจายศูนย์ที่มากขึ้น
วูดตั้งข้อสังเกตว่า ณ ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไต่ขึ้นมาอยู่ในระดับสูงอีกครั้งหนึ่ง และดัชนีของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินในระดับภูมิภาคของสหรัฐอเมริกาก็ปรับตัวลงไปต่ำกว่าในช่วงเดือนมีนาคมแล้ว
และการล้มของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมและการล้มของ FTX แพลตฟอร์มเทรดคริปโตเคอร์เรนซี ก็ยิ่งตอกย้ำต่อหลักการความคิดการลดความเสี่ยงจากคู่สัญญาในระบบแบบไร้ศูนย์กลางของ Bitcoin อีกครั้งหนึ่ง
ทองคำมีคุณสมบัติที่สามารถสู้ได้ทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืดเช่นเดียวกับ Bitcoin แต่ด้วยความที่ Bitcoin ยังใหม่ นักลงทุนสถาบันยังมีสัดส่วนในสินทรัพย์ดังกล่าวน้อย และนักลงทุนรุ่นใหม่ต่างสนใจลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ ทำให้วูดมองว่าหากจะลงทุน Bitcoin คือสินทรัพย์ที่ควรลงทุนไปในอีก 10 ปีข้างหน้า
อ้างอิง: