เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ต.ค.) ประชาชนในแคว้นกาตาลุญญาหลายแสนคนเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหว Societat Civil Catalana เพื่อคัดค้านความต้องการประกาศอิสรภาพแยกตัวออกจากสเปน ท่ามกลางเสียงเตือนจากนายกรัฐมนตรี เตรียมยับยั้งแผนแยกประเทศของรัฐบาลท้องถิ่น
การรวมตัวครั้งนี้มีขึ้น 1 สัปดาห์ให้หลังการลงคะแนนประชามติประกาศอิสรภาพที่นับเป็นวิกฤตการเมืองครั้งรุนแรงที่สุดของสเปนในรอบ 40 ปี โดยฝ่ายผู้จัดระบุว่า มีคนเข้าร่วมมากกว่า 1 ล้านคน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบาร์เซโลนาคาดการณ์ไว้เพียง 350,000 คน
ระหว่างการรวมตัวประท้วง ผู้สนับสนุนที่โบกสะบัดธงกาตาลุญญาและสเปนต่างพากันตะโกน ‘กาตาลุญญาคือสเปน’
“ทุกคนคิดว่าการที่เราโบกธงชาติสเปนหมายความว่าเราเป็นพวกฝ่ายขวาหรือพวกฟาสซิสต์” อัลเฟรโด เมเธียส ผู้ร่วมการชุมนุม วัย 47 ปี ให้สัมภาษณ์ “แต่ไม่ใช่ พวกเราเป็นเพียงคนรักชาติ”
ขณะเดียวกัน ประมุขฝ่ายบริหารอย่าง มาริอาโน ราฆอย ผู้ประกาศกร้าวว่า การแยกเอกราชของกาตาลุญญาจะไม่เกิดขึ้น ระบุว่า “ผู้คนมีสิทธิ์ที่จะพูดว่าเราเป็นคนสเปน ผมภูมิใจกับความเป็นคนสเปนและภูมิใจต่อรัฐธรรมนูญของเรา
“พวกเขามีรัฐบาลที่จะปกป้องเอกภาพและอธิปไตยของประเทศ” นายกรัฐมนตรีสเปนกล่าว พร้อมยืนกรานไม่เจรจาจนกว่า การ์เลส ปิกเดมองต์ ผู้นำกาตาลุญญาจะยอมถอย
ผลการลงคะแนนประชามติปรากฏว่า จากผู้มาลงคะแนนทั้งหมดมีเสียงสนับสนุนนับ 90% ให้แยกตัวออกจากสเปน ขณะที่มีเพียง 7.8% ที่คัดค้านแนวทางนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่สามารถสะท้อนความคิดเห็นที่แท้จริงของประชาชนในกาตาลุญญาได้ เนื่องจากผู้สนับสนุนให้อยู่ในสเปนอาจมองว่าประชามตินี้ผิดกฎหมาย
ภายในเหตุการลงคะแนนประชามติเมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยรักษาความสงบได้ปะทะกับผู้มาใช้สิทธิ์ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 1,000 ราย
Photo: AFP
อ้างอิง: