ช่วงหลายปีมานี้ Digital Transformation คือคำคุ้นหูที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ จากที่เคยเป็น ‘ทางเลือก’ ในการปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันสมัย แต่ปัจจุบัน Digital Transformation กลายเป็น ‘ทางรอด’ ทางเดียวที่ธุรกิจต้องเดินไปให้ถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปทุกวัน การแข่งขันอย่างดุเดือดของธุรกิจต่างๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น องค์กรที่ได้เปรียบคือองค์กรที่จะสามารถพลิกโฉมธุรกิจแบบเดิมๆ ของตัวเองได้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ในปี 2020 เครื่องมือสำคัญที่จะกรุยทางให้ธุรกิจสามารถเดินไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งการเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบได้คือระบบ Cloud Computing และ Big Data ที่จะช่วยลบภาพเอกสารกระดาษกองโตที่วางสุมอยู่ในออฟฟิศให้หมดไป แล้วแทนที่ด้วยข้อมูลดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า แถมยังมีการจัดระเบียบข้อมูล และสามารถดึงมาใช้วิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย
ระบบ Cloud และ Big Data สำคัญอย่างไร แล้วทำไมทุกองค์กรจำเป็นต้องเดินไปสู่จุดนั้น ดร.ยุทธศาสตร์ นิธิไพจิตร ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจคลาวด์และบิ๊กดาต้า บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ในฐานะผู้นำในการให้บริการระบบ Cloud Service และ Big Data ของประเทศไทยจะมาฉายภาพให้เราได้รับรู้
เพิ่มสปีดความคล่องตัว ลดต้นทุนธุรกิจด้วยระบบ Cloud
จากยุคเอกสารกองโตสู่ยุคที่ทุกขั้นตอนการทำงานต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์ ทำให้หลายองค์กรจำเป็นต้องลงทุนควักกระเป๋าจ่ายค่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับข้อมูลการทำงานมหาศาลที่เกิดขึ้นใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน
แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่เทคโนโลยีอัปเกรดไปไกลกว่านั้น การจำกัดคนทำงานให้เข้าออฟฟิศทุกวันกลายเป็นเรื่องไม่จำเป็นอีกต่อไป ‘ทุกที่ทุกเวลา’ คือโจทย์ใหม่ของโลกธุรกิจที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้คนในองค์กรสามารถทำงานที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ระบบ Cloud จึงเข้ามาแทนที่
“ระบบ Cloud คือการปฏิวัติการทำงานรูปแบบเดิมๆ จากที่เคยทำงานผ่านเอกสารกระดาษที่ทำให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นเรื่องยาก ระบบ Cloud คือเครื่องมือที่จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ และยังช่วยลด Total Cost of Ownership ของบริษัท เพราะมีความยืดหยุ่นกว่า ลองนึกภาพว่าสมัยก่อนหลายองค์กรจำเป็นต้องซื้อเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลมากองทิ้งไว้ ทั้งที่บางช่วงเวลาอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์มากขนาดนั้น กลายเป็นต้นทุนที่บริษัทต้องแบกรับโดยไม่จำเป็น แต่ระบบ Cloud จะช่วยลดต้นทุนตามการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง หรือ Pay Per Use คือใช้เท่าไรก็จ่ายเท่านั้น แถมยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการต่อยอดระบบดิจิทัลต่างๆ ทั้งการให้บริการลูกค้าหรือการบริหารต้นทุนได้อีกด้วย”
อีกจุดเด่นของระบบ Cloud คือการที่ข้อมูลต่างๆ ถูกโยกย้ายไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ตทุกที่ทุกเวลา ความคล่องตัวจึงมากกว่าระบบเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว เพราะสามารถให้คนทำงานเข้าถึงเอกสารต่างๆ พร้อมกันได้อย่างไร้ขีดจำกัด เป็นการเพิ่ม Collaboration อีกทั้งยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะปูทางไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลในด้านอื่นๆ ทั้งในแง่ของการให้บริการลูกค้าที่สะดวกรวดเร็วมากกว่า หรือแม้แต่การบริหารจัดการต้นทุนให้เหมาะสมกับการใช้งาน
นอกจากนี้ระบบ Cloud ยังโดดเด่นในเรื่องเสถียรภาพและความปลอดภัย เพราะข้อมูลที่หลั่งไหลเข้าไปจะถูกกระจายจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์หลากหลายแห่ง เป็นการป้องกันการจารกรรมและปกป้องข้อมูลสำคัญไม่ให้เกิดการรั่วไหล ลดช่องโหว่ในการโจมตีระบบที่ทำให้องค์กรทำงานได้อย่างอุ่นใจมากขึ้น
ในฐานะผู้บุกเบิกระบบ Cloud เป็นรายแรกๆ ในประเทศไทย ดร.ยุทธศาสตร์ ให้คำแนะนำสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ต้องการทรานส์ฟอร์มให้เป็นองค์กรดิจิทัลนั้นควรเริ่มจากการเปลี่ยนมาใช้ระบบ Cloud เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านไอที จากนั้นจึงค่อยปรับรูปแบบการทำงานหรือรูปแบบธุรกิจให้เป็นดิจิทัลมากขึ้นเพื่อให้องค์กรพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งสำหรับ CAT นอกจากจะเป็นผู้บุกเบิกบริการ Cloud รายแรกๆ ในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นผู้ให้บริการ IRIS Cloud ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ISO 27001 และยังได้รับรางวัล Best Practices Award จาก Frost & Sullivan ถึง 2 ปีซ้อน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความเสถียรและปลอดภัย พร้อมบริการให้คำแนะนำสำหรับลูกค้าองค์กรที่มีความต้องการที่แตกต่างกันอีกด้วย
Big Data ขุมทรัพย์ข้อมูลที่ทำให้ธุรกิจไปได้ไกลกว่า
อีกหนึ่งอาวุธที่องค์กรต่างๆ ต้องมีติดตัวเพื่อใช้ต่อกรกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคือ Big Data หรือข้อมูลมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ ซึ่งจะสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อยอดให้ธุรกิจไปได้ไกลกว่าด้วยการตัดสินใจที่แม่นยำ
“ยุคนี้คือยุค Digital Disruption ที่เทคโนโลยีมีบทบาทในการเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง แม้แต่องค์กรที่เป็นเจ้าใหญ่ๆ ในตลาดก็อาจถูก Disrupt จากรายเล็กๆ เมื่อก่อนปลาใหญ่อาจจะได้เปรียบปลาเล็ก แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าปลาเล็กมีโอกาสที่จะสามารถล้มปลาใหญ่ได้ด้วยข้อมูลที่แม่นยำกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นองค์กรใหญ่หรือเล็กก็จำเป็นต้องมีการบูรณาการตัวเอง และสิ่งแรกที่ต้องเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้คือการบูรณาการข้อมูล” ดร.ยุทธศาสตร์ ฉายภาพให้เห็นความสำคัญของเหมืองข้อมูลมหาศาลที่ทุกองค์กรต่างมีอยู่ในมือ แต่ถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย
เมื่อพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปทุกวัน ลำพังประสบการณ์การทำธุรกิจที่ผ่านมาอย่างเดียวคงไม่สามารถช่วยให้องค์กรปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ Big Data จึงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างแม่นยำบนพื้นฐานของสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
โดย ดร.ยุทธศาสตร์ ระบุว่าขั้นตอนการทำ Big Data ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกคือการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ นั่นหมายรวมถึงการจัดเก็บที่เป็นระเบียบ การออกแบบช่องทางในการเก็บและรับข้อมูลที่ต้องสะดวกและรวดเร็ว ที่สำคัญคือต้องค้นหาและเข้าถึงได้ง่าย ขณะที่อีกส่วนสำคัญคือการนำข้อมูลที่จัดเก็บไว้ไปวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ ซึ่งถือเป็นโจทย์ท้าทายที่ไม่มีองค์กรใดสามารถลอกเลียนแบบกันได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัญหาที่แต่ละองค์กรกำลังเผชิญอยู่
“สำหรับองค์กรที่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ให้คิดง่ายๆ ว่า Big Data สามารถช่วยในเรื่องการทำธุรกิจได้สองอย่างแน่ๆ คือเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้ก็คือการที่เรารู้ความต้องการเชิงลึกของลูกค้าจากข้อมูลที่มีอยู่ แล้วนำมาออกแบบธุรกิจหรือสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ ส่วนการลดรายจ่ายก็คือการที่เรารู้ข้อมูลของกระบวนงานที่ยังขาดประสิทธิภาพและต้นทุนแฝงขององค์กร ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ต้องเริ่มจากโจทย์ขององค์กรว่าต้องการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์อย่างไร และจะปรับเปลี่ยนองค์กรหรือรูปแบบธุรกิจอย่างไรเพื่อให้ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ได้”
ซึ่งนอกจากจะให้บริการด้านระบบการจัดเก็บข้อมูลแล้ว CAT ยังมีบริการด้าน Big Data อย่างครบวงจรด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้ง Data Scientist ที่จะช่วยจัดเตรียม จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ที่กำหนดไว้ Data Engineer ผู้พัฒนา ทดสอบ และดูแลแพลตฟอร์ม รวมถึงดาต้าเบสในการจัดเก็บข้อมูล รวมไปถึง Domain Expert ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ต้องการวิเคราะห์ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในบริการ CAT Big Data แพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Hadoop based ที่ช่วยในการบริหารจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย เหมาะกับหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคธุรกิจที่มีการใช้ข้อมูลจำนวนมากหลากหลายรูปแบบ ช่วยลดเวลาในการพัฒนาระบบ ช่วยลดการลงทุน สามารถเข้าใช้งานได้อย่างรวดเร็วภายใต้ระบบการทำงานที่มีมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลได้อย่างแท้จริง
แม้เส้นทางของการเดินไปสู่ Digital Transformation จะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายๆ องค์กร แต่จุดหมายปลายทางที่รออยู่คือความสำเร็จและการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และนี่คือก้าวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์