จุลพันธ์มอง ข้อกำหนด 50 ล้านบาทเล่นคาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ ‘ขัดหลักคิดรัฐบาล’ กังวลผลักคนข้ามไปเล่นฝั่งเพื่อนบ้าน ไม่กลับเข้าระบบ
วันนี้ (20 กุมภาพันธ์) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร หรือร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และกำหนดว่าผู้ที่จะเข้าเล่นได้ต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือนว่า “ตนเห็นรายละเอียดตรงนี้แล้ว มองว่าเป็นข้อเสนอที่ต้องพูดคุยกัน”
เมื่อถามย้ำว่า ข้อกำหนดที่ให้ผู้เข้าเล่นคาสิโนได้ต้องมีเงิน 50 ล้านบาท เหมาะสมหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า หลักคิดนี้แตกต่างจากหลักคิดของรัฐบาลบางส่วน เพราะกลไกที่รัฐบาลทำ นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างชาติ ที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายด้วย ฉะนั้นหากกำหนดที่ 50 ล้านบาท ลองคิดภาพง่ายๆ ว่ามีเงินคนไทยมีเงิน 50 ล้านบาทในบัญชีประมาณ 10,000 บัญชี แปลว่าเราจะดันกลุ่มคนหนึ่งที่ปัจจุบันยังไปเล่นตามชายแดนและเล่นในลักษณะผิดกฎหมายออกไป แทนที่จะดึงเข้าสู่ระบบ หากคิดถึงส่วนนี้จะเห็นว่าหลักคิดแตกต่างกันและเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนทางสภาอีก
เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะคนทำงานคิดว่าตัวเลขควรต่ำกว่า 50 ล้านบาทใช่หรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุป เพราะขณะนี้ยังมีการประชุมอยู่ และต้องหารือกับกฤษฎีกาก่อน เมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภา เพื่อพิจารณา ซึ่งสุดท้ายอยู่ที่สภาจะวินิจฉัยและลงมติอย่างไร ส่วนจะเข้า ครม. ได้เมื่อไรนั้นอยู่ที่กฤษฎีกา ตนไม่สามารถให้คำตอบได้
จุลพันธ์มั่นใจ GDP ปี 2568 โตได้กว่า 3%
เมื่อถามว่า โอกาสที่ GDP จะโตได้ถึง 3.5% หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสามารถทำได้หรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า เป็นไปได้และเราก็พยายามดูอยู่ พร้อมกล่าวย้ำว่า กลไกและมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าไปดูแค่การเติมเงิน ต้องดูกลไกอื่นๆ ซึ่งเราไม่ได้จำกัดรูปแบบและตอนนี้ก็มีข้อเสนอมาบ้างแล้ว
เมื่อถามว่า ควรจะหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ควรอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องมีแผน ตอนนี้คิดอยู่ว่ากลไกในการใช้เม็ดเงินจากจุดไหนและวิธีการอย่างไร ซึ่งต้องหาข้อสรุปอีกครั้ง
“ไม่มีความกังวลที่ตัวเลข GDP ออกมาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งล่าสุดที่ต่ำกว่าเป้าหมายนั้น ต้องยอมรับว่าในไตรมาสแรก ก่อนหน้านี้ GDP ต่ำมาก เราก็พยายามขับเคลื่อนมาจนมีการเติบโต ซึ่งกระทรวงการคลังก็ตั้งเป้าให้ตัวเลข GDP ไปใกล้ 3%” จุลพันธ์กล่าว
จุลพันธ์มอง ธปท.-กนง. มีอิสระ
เมื่อถามว่า ต้องคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยหรือไม่ เนื่องจากบางกฎหมายมีข้อจำกัด จุลพันธ์กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพูดคุยกับ ธปท. มาโดยตลอด เชื่อว่าการพูดคุยเป็นไปตามที่ทุกฝ่ายต้องการ แม้ว่าอาจจะมีการชั่งน้ำหนักโจทย์ที่แตกต่างกันบ้างในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจกับเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต้องหารือร่วมกัน
เมื่อถามว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า คาดหวังว่า ธปท. จะมีมาตรการเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินมาช่วยหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ตนไม่คาดหวัง เพราะต้องเข้าใจว่า ธปท. ต้องให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ เราคงไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ธปท. คงเข้าใจว่ากลไกแบบใดจะสร้างเสรีภาพทางการเงินได้ กลไกแบบใดจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐบาลและทำให้ประชาชนมีการใช้จ่ายได้ดี ตนเชื่อว่า กนง. จะมีความเข้าใจ ส่วนจะคาดหวังหรือไม่ ตนไม่พูดดีกว่า เพื่อให้เขาสบายใจ